รีวิวแนะนำชุดไมโครโฟนห้องประชุม JTS CS-Series

หากกล่าวถึงลักษณะการประชุมกับผู้เข้าร่วมประชุมที่อยู่ในห้องเดียวกันหรือต่างสถานที่นั้น ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้การประชุมทั้งทางใกล้และไกลเป็นเรื่องง่ายขึ้น การประชุมสามารถทำได้ทั้งในรูปแบบออฟฟิศเคลื่อนที่ ตลอดจนการสื่อสารในรูปแบบอื่นๆ กับเพื่อนร่วมงานได้หลากหลายรูปแบบ

การประชุมถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิตการทำงานที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เพื่อนร่วมงานได้รับรู้ข้อมูลของเรา หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า รวมถึงผู้ชมอีกจำนวนมากที่ใช้อุปกรณ์ประเภทเดียวกัน

สำหรับ JTS เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ผู้ผลิตระบบเสียงชุดประชุมซึ่งนำเสนอโซลูชันที่สมบูรณ์แบบเพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสเสียงทุกถ้อยคำผ่านระบบไมโครโฟนถึงผู้ชมหรือคู่สนทนาได้อย่างน่าเชื่อถือและให้คุณภาพเสียงที่มีความชัดเจน JTS เป็นแบรนด์สินค้าจากประเทศไต้หวัน เป็นผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ด้านระบบเสียงหลายชนิด

ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นคือระบบเสียงชุดประชุม ประกอบด้วยไมโครโฟนและตัวควบคุม ระบบถูกออกแบบให้ติดตั้งง่าย มีคุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป เหมาะกับการนำไปติดตั้งในห้องประชุมที่มีงบจำกัดและต้องการฟังก์ชันเรียบง่าย มาพร้อมระบบการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก ปัจจุบัน JTS มีตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกกว่า 98 ประเทศ และยังเป็นแบรนด์ที่มีอายุกว่า 30 ปี เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งการันตีคุณภาพสินค้าได้เป็นอย่างดี

พื้นฐานระบบชุดประชุม

โดยทั่วไประบบเสียงชุดประชุมจะแบ่งอุปกรณ์ออกเป็น 4 อย่าง ได้แก่

(1) อุปกรณ์ควบคุมสัญญาณเสียง หรืออุปกรณ์ทำหน้าที่ Control ระบบไมโครโฟนทั้งหมด
(2) ไมโครโฟนสำหรับประธานในที่ประชุม ซึ่งมีความพิเศษคือสามารถสั่งปิดไมโครโฟนของผู้เข้าประชุมได้ และไมโครโฟนของประธานยังสามารถพูดได้ตลอดเวลาอีกด้วย
(3) ไมโครโฟนของผู้เข้าร่วมประชุม มักจะมีฟังก์ชันใช้งานอย่างจำกัด เช่นการกดสวิตซ์เพื่อพูดเท่านั้น
(4) ระบบการเชื่อมต่อ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ระบบคือ ดิจิตอล แอนาลอก และระบบ Wireless

JTS CS-1CUR เครื่องควบคุมบันทึกเสียงและจ่ายไฟในระบบไมค์ประชุม

CS-1CUR เป็นอุปกรณ์สำหรับคอนโทรลไมโครโฟนชุดประชุม โดยใช้งานร่วมกับไมโครโฟนรุ่น CS-1CH ซึ่งทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของประธานที่ประชุม และไมโครโฟนรุ่น CS-1DU ซึ่งทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของผู้เข้าประชุม ตัว CS-1CUR สามารถเชื่อมต่อไมโครโฟนจำนวนมากเพื่อขยายระบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นตามที่ต้องการ ตัวคอนโทรล CS-1CUR เป็นอุปกรณ์ส่วนกลางที่ใช้ควบคุมระบบชุดประชุมทั้งหมด สามารถติดตั้งระบบไมโครโฟนได้สูงถึง 50 ตัวต่อหนึ่งสเตชั่น โดยรองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟนได้ช่องละ 25 ตัว (2×25)อีกทั้งยังเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับไมโครโฟนทุกตัวที่เชื่อมต่อ มีลำโพงอยู่ภายใน สามารถเชื่อมต่อกับหูฟัง

มีระบบ Keypad lock มีหน้าจอแสดงวัน/เวลา มีระบบจับเวลา (Stopwatch) มีฟังก์ชันทดสอบการเชื่อมต่อไมโครโฟน สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ภายนอกได้ เช่น ไมโครโฟน ตัวเชื่อมโทรศัพท์ อุปกรณ์ประมวลผลสัญญาณเช่น EQ, เครื่องบันทึกเสียง เพาเวอร์แอมป์ รับแหล่งจ่ายสัญญาณเสียงแบบ Line ต่างๆ

ทั้งยังสามารถบันทึกเสียงขณะประชุมได้ภายในตัวเองโดยผ่านพอร์ต USB ในรูปแบบไฟล์ MP3 รองรับขนาดของแฟลชไดร์ฟได้สูงถึง 32GB หรือบันทึกเสียงได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 240 ชั่วโมง เพียงแค่เชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้าไปที่ช่อง USB ด้านหลังเครื่อง แล้วกดปุ่ม Record เท่านั้นเอง

ตัว CS-1CUR นอกจากจะต้องใช้งานกับไมโครโฟนรุ่น CS-1CH และ CS-1DU แล้ว ยังจำเป็นต้องใช้กับสายสัญญาณสเตอริโอชนิด 50 Ohm นั่นคือรุ่น ACP-300/50 โดยเฉพาะในกรณีต้องการเชื่อมต่อสัญญาณออกไปยังภายนอกเช่นเครื่องขยายเสียงต่างๆ และสายเคเบิลที่ใช้เชื่อมต่อกับไมโครโฟนรุ่น D7P-10 มีขนาดความยาว 10 เมตรต่อเส้น ตัว CS-1CUR มีขนาดของอุปกรณ์ 420(W) x 44(H) x 198.5(D) น้ำหนักประมาณ 2.3kg.

รูปลักษณ์ภายนอกของ CS-1CUR

JTS CS-1CUR เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมการทำงานของไมโครโฟนชุดประชุม CS-1CH และ CS-1DU มีรายละเอียดอื่นๆ น่าสนใจคือ ด้านบนอุปกรณ์จะพบลำโพงที่ติดอยู่ภายในเครื่องบริเวณที่เจาะรู ถัดมามีช่องสำหรับหูฟัง ถัดมาลูกบิดหรือโวลุ่มควบคุมเสียงที่จะไปออกหูฟังและลำโพงในเครื่อง ลูกบิดฝั่งขวาจะใช้คุมลำโพงด้านนอก โวลุ่มตัวนี้จะปรับได้ 11 ระดับความดัง และจะมีผลกับไมโครโฟนทุกตัวที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุม ถัดมาเป็นแผงหน้าปัดแสดงผลการทำงานของฟังก์ชันที่ใช้ขณะนั้นในรูปดิจิตอล ด้านข้างหน้าจอจะเป็นสวิตซ์ควบคุมและเข้าถึงฟังก์ชันของตัวเครื่อง

และสุดท้ายคือสวิตซ์เปิด/ปิดเครื่อง และสวิตซ์ I/O ซึ่งใช้ควบคุมสัญญาณที่ Insert เข้ามาควบคุมสัญญาณเสียงเช่นพวกอุปกรณ์ EQ ถ้าเลือก “I” จะเป็นการให้ Insert สัญญาณเข้ามา ถ้าเลือก “O” จะไม่มีการ Insert สัญญาณเข้ามา นอกจากนั้นยังมี Gain ที่ใช้ปรับระดับอินพุตของอุปกรณ์ Recorder ได้ รวมถึง Gain ของไมโครโฟนตัวนอกที่เชื่อมต่อผ่านช่อง XLR ซึ่งช่องดังกล่าวยังสามารถจ่ายไฟ Phantom power ขนาด 48V ให้กับไมโครโฟนชนิดคอนเด็นเซอร์ ได้อีกด้วย

ช่องสำหรับเชื่อมต่อสัญญาณต่างๆ ของตัว CS-1CUR มีดังนี้

  • มีช่องเชื่อมต่อกับ telephone coupler ผ่านช่อง RCA ซึ่งมีให้จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับอีคลอไลเซอร์แบบ RCA จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เรคอร์เดอร์แบบ RCA จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับสัญญาณ Line แบบ RCA จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับไมโครโฟนตัวนอกแบบ XLR จำนวน 1 ช่อง (Input)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับไมโครโฟนชุดประชุมทั้งของประธานและของผู้เข้าประชุมจำนวนแบบ DIN-7 ขาจำนวน 2 ช่อง
  • ช่อง USB สำหรับเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟเพื่อบันทึกเสียงเป็น MP3 ได้นานกว่า 240 ชั่วโมง

แนวทางและวิธีการใช้งาน CS-1CUR เบื้องต้น

ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่ได้เชื่อมต่อตัว CS-1CUR กับอุปกรณ์ประมวลผลสัญญาณด้านนอกเช่น EQ ให้ตั้งสวิตซ์เป็นโหมด “O” เพื่อเป็นการปิดโหมด Insert นั่นเอง จากนั้นให้ปรับโวลุ่มของลำโพงทั้งคู่มาที่เลข 1 หรือต่ำที่สุดแล้วเปิดสวิตซ์ Power เพื่อให้เครื่องทำงาน จากนั้นผู้ใช้จะเห็นโหมดจากโรงงานแสดงผล ในเบื้องต้นให้เปลี่ยนค่าของวันเวลาโดยตั้งค่าตามรูปแบบ [ปี : เดือน : วัน] ส่วนเวลาตั้งเป็นรูปแบบ [ชั่วโมง : นาที : วินาที] ลองมาทำความรู้จักโหมดต่างๆ และการใช้งานอุปกรณ์เบื้องต้นดังนี้

1.การเลือกโหมดที่จะจัดการฟังก์ชันต่างๆ ให้เริ่มต้นด้วยการกดปุ่ม [SET] ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที เมนูจะถูกเปิดใช้งาน

2.ให้กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลง เพื่อเลือกโหมดต่างๆ ตามที่ต้องการ รายละเอียดและหน้าที่ของโหมดต่างๆ มีดังนี้

  • Over Ride Mode – โหมดนี้จะใช้เพื่อเปิดรูปแบบการใช้ไมโครโฟนในลักษณะลำดับก่อน-หลัง เช่น เมื่อมีผู้เข้าร่วมประชุมกำลังใช้ไมโครโฟนตัวใดพูดอยู่ ขณะเดียวกันหากมีผู้ใช้ท่านอื่นกดปุ่มเพื่อพูดแทรกในช่วงเวลาสั้นๆ ไมโครโฟนที่พูดก่อนหน้าจะถูกปิดโดยปริยาย เราจะได้ยินเสียงเฉพาะไมโครโฟนที่กดพูดทีหลัง อย่างไรก็ดีโหมดนี้จะไม่มีผลกับไมโครโฟน CS-1CH ซึ่งเป็นของประธานที่ประชุม
  • Chairman Only – เป็นรูปแบบโหมดที่อนุญาตให้เฉพาะประธานที่ประชุมหรือเฉพาะ CS-1CH สามารถพูดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ในระหว่างนั้นไมโครโฟนของผู้เข้าร่วมประชุมจะไม่สามารถใช้งานได้เลย
  • Open Mode – เป็นรูปแบบที่ใช้กำหนดจำนวนครั้งในการใช้งานของไมโครโฟนผู้เข้าประชุม เช่นมีการตั้งจำนวนการใช้ไว้ทั้งหมด 2 ครั้ง หากมีการกดพูดไปแล้วจำนวนรวม 2 ครั้ง เมื่อกดครั้งที่ 3 ไมโครโฟนตัวนั้นจะไม่สามารถพูดได้ จนกว่าไมโครโฟนตัวอื่นจะมีการปิดการใช้งานเสียก่อน ผู้ประชุมจึงจะกดพูดได้ ข้อจำกัดของโหมดนี้ไม่มีผลกับไมโครโฟนของประธานที่ประชุม เพราะไมโครโฟนประธานสามารถกดพูดได้ทุกเวลา
  • Timer Mode – จะมีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับ Open Mode อย่างไรก็ดี ไมโครโฟนจะตัดการทำงานอัตโนมัติภายในเวลา 30 วินาที ดังนั้นในระหว่างนี้ผู้เข้าประชุมจะไม่สามารถใช้งานได้ แม้ว่าผู้ประชุมรายอื่นจะลืมปิดสวิตซ์ไมโครโฟนก็ตาม

3. เมื่อเลือกโหมดที่ต้องการใช้งานได้แล้ว ให้กดปุ่ม SET แล้วกดปุ่มลูกศรขึ้น/ลงเพื่อกำหนดค่าตัวเลขที่ต้องการ (1-4)

4.กดปุ่ม SET เพื่อยืนยันโหมดที่เลือก

จากนั้นรอสักครู่ระบบจะโชว์คำว่า “Saving” เมื่อคำนี้หายไประบบก็พร้อมทำงานตามโหมดที่ตั้งไว้ทันที

คุณสมบัติไมโครโฟน CS-1CH (ไมค์ประธาน) และ CS-1DU (ไมค์ผู้ร่วมประขุม)

สำหรับ CS-1CH (ไมค์สำหรับประธาน)และ CS-1DU (ไมค์สำหรับผู้ร่วมประชุม) มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายคลึงกัน แต่ทำหน้าที่ต่างกันคือตัวหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนสำหรับประธาน อีกตัวหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของผู้เข้าประชุม ซึ่งในการออกแบบระบบเบื้องต้นนั้นจะต้องมีไมโครโฟนของประธานหนึ่งตัว และไมโครโฟนของผู้เข้าประชุมกี่ตัวก็ได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้เข้าประชุมที่ต้องการหรือขนาดห้องประชุม ซึ่งเราสามารถขยายเพิ่มเติมภายหลังได้ หรือจะติดตั้งทีเดียวเต็มความสามารถของระบบคอนโทรลก็ได้

ตัว CS-1CH และ CS-1DU รูปลักษณ์ทางกายภาพเราเรียกว่าไมโครโฟนชนิดก้าน มีความยาวมาตรฐาน 40-50 เซ็นติเมตร ด้านบนสุดจะเป็นหัวของไมโครโฟนทำหน้าที่รับสัญญาณเสียง และตำแหน่งใกล้หัวไมโครโฟนจะมี Ring หรือวงแหวนแสดงสถานะการทำงานของตัวอุปกรณ์ ไฟจะสว่างขึ้นเมื่อไมโครโฟนอยู่ในสถานะพร้อมทำงานหรือเมื่อมีการทดสอบการทำงานของตัวไมโครโฟนว่าพร้อมทำงานแล้ว ด้านล่างบริเวณลำโพงจะมีหลอด LED อีกตัวซึ่งจะสว่างเมื่อมีการทดสอบหรือเมื่อไมโครโฟนกำลังทำงานอยู่

ถัดมาผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อหูฟังด้วยแจ็คขนาด 3.5mm ได้ ซึ่งจะทำให้ลำโพงที่ฐานของตัวไมโครโฟนปิดเสียงไปโดยปริยาย ถัดมาบริเวณฐานของก้านไมโครโฟนจะเป็นลำโพงของไมโครโฟน เสียงที่ปล่อยออกมาลำโพงนี้จะเป็นเฉพาะเสียงของผู้อื่นซึ่งไม่ใช่เสียงของผู้พูดที่พูดผ่านไมโครโฟนตัวนั้นๆ

CS-1CH จะมีสวิตซ์พิเศษทางฝั่งซ้ายมือที่ใช้เปิดเพื่อขัดจังหวะหรือพูดแทรกผู้พูดคนอื่นได้ ถัดมาถ้าเป็นรุ่น CS-1CH ทางฝั่งขวามือจะเป็นสวิตซ์เปิด/ปิดการทำงานของไมโครโฟน

ส่วนรุ่น CS-1DU จะเป็นปุ่มซึ่งทำหน้าที่เดียวกันนั่นเอง ด้านหลังของฐานไมโครโฟนจะมีช่องเชื่อมต่อ 2 ช่อง หนึ่งในจำนวนนั้นใช้สำหรับต่อไปยังไมโครโฟนตัวอื่นๆ ถัดมาเป็นปลั๊กที่เรียกว่า Trunk In/Out ใช้สำหรับต่อกับอุปกรณ์คอนโทรล หรือสเตชันของไมโครโฟนอื่นๆ ถัดมาเป็นโวลุ่มสำหรับควบคุมความดังเบาของสัญญาณเสียงที่ผ่านหูฟัง ถัดมาเป็นตัวควบคุม Gain การขยายเสียงของสัญญาณไมโครโฟน

CS-1CH มีความพิเศษอีกสองอย่างคือ มันจะมีสวิตซ์ควบคุมรูปแบบการทำงานซึ่งอยู่ใต้ฐานไมโครโฟน คือหากต้องการสัญญาณดังขึ้นอัตโนมัติเมื่อมีการขัดจังหวะ โดยสัญญาณนี้จะดังขึ้น เมื่อผู้ใช้ตั้งสวิตซ์ไว้ฝั่งบน (upper position) หรืออีกกรณีหากต้องการให้ไมโครโฟนของผู้เข้าประชุมปิดเมื่อมีการขัดจังหวะให้ตั้งสวิตซ์ไว้ฝั่งล่าง (lower position) การติดตั้งระบบของระบบชุดประชุมนี้จะเชื่อมต่อแบบ Daisy chain ผ่านสายเคเบิลรุ่น D7P-10 นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ เพื่อขยายระบบเพิ่มเติมได้ตามความต้องการหรือตามงบประมาณที่มี

ข้อดี

  • ราคาประหยัด คุณภาพดี รูปลักษณ์สวยงาม
  • ใช้งานง่าย ติดตั้งง่าย
  • รองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟนได้สูงสุด 50 ตัวต่อหนึ่งสเตชั่น
  • เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้หลากหลาย
  • สามารถบันทึกเสียงได้ในรูป MP3 ได้นานกว่า 240 ชั่วโมง

สรุป

หากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน กำลังมองหาไมโครโฟนชุดประชุมคุณภาพดี ราคาไม่แพง และสามารถบันทึกเสียงการประชุมได้ภายในตัวโดยไม่ต้องต่อเครื่องบันทึกเสียงภายนอกให้ยุ่งยาก

ระบบชุดประชุม JTS ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากจะเป็นไมโครโฟนราคาประหยัดแล้ว ยังเป็นระบบชุดประชุมที่ใช้งานง่าย ด้วยรูปแบบที่มาพร้อมกับตัวคอนโทรล CS-1CUR และรองรับไมโครโฟนรุ่น CS-1CH ทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของประธานที่ประชุม และไมโครโฟนรุ่น CS-1DU ทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของผู้เข้าประชุม สามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด 50 ต่อหนึ่งสเตชั่น รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้อย่างครบครันเลยทีเดียว

บทความโดย : อาจารย์ เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบเครื่องเสียงห้องประชุม
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 026414744

Previous Post ระบบเสียงตามสายในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานศึกษา
Next Post [แนะนำ] อุปกรณ์ wireless presenter สำหรับงานประชุม/งาน Presentation KRAMER VIA

โทร. : 02-2031821 , 02-6414744
สายด่วน : 095-9265276 , 086-3114142

หรือส่งข้อความด้านล่างเพื่อติดต่อเราทาง Facebook