Archive for category ชุดประชุม

รีวิวไมค์ห้องประชุมออนไลน์ BOSCH ล่าสุด 2023 หากกล่าวถึ […]

รีวิวไมค์ห้องประชุมออนไลน์ BOSCH ล่าสุด 2023

หากกล่าวถึงไมค์ห้องประชุม หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อเสียงของไมค์ยี่ห้อ BOSCH มาพอสมควร ด้วยชื่อชั้นที่เป็นแบรนด์จากยุโรป มุ่งเน้นในการผลิตสินค้าคุณภาพ บวกกับก่อตั้งมานานจึงได้รับความไว้วางใจจากองค์กรทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานเอกชนตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ

BOSCH เป็นสินค้าสัญชาติเยอรมัน เป็นแบรนด์ใหญ่ มีแผนกวิจัยพัฒนาและโรงงานเป็นของตนเอง ที่นี่ผลิตสินค้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ สินค้าใช้ภายในบ้าน สินค้าสำหรับงานอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้าเทคโนโลยีด้านพลังงาน

BOSCH มีความเชี่ยวชาญเรื่องไมค์ห้องประชุม มีการผลิตไมค์ทั้งแบบมีสายและแบบไร้สายออกสู่ตลาดจำนวนหลายรุ่น หลายซีรี่ส์ โดยเฉพาะรุ่น BOSCH CCS1000D และ DICENTIS ไมค์ประชุมไร้สาย ถือเป็นชุดไมค์ห้องประชุมคุณภาพที่เราอยากแนะนำ

ชุดไมค์ประชุมแบบมีสาย BOSCH CCS-1000D

CCS-1000D เป็นชุดไมค์ประชุมชนิดแบบมีสาย ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เชื่อมต่อแล้วใช้งานได้ทันที เหมาะอย่างยิ่งกับห้องประชุมที่ต้องการอุปกรณ์คุณภาพ สำหรับคุณสมบัติที่โดดเด่นของไมค์รุ่น CCS-1000D มีดังนี้

  • มีระบบอัจริยะป้องกันเสียงหวีดหอน
  • สามารถบันทึกเสียงการประชุมได้ภายในตัวหรือผ่านแฟลชไดร์ฟ USB
  • รองรับระบบควบคุมกล้องอัตโนมัติ
  • สุดล้ำด้วยระบบควบคุมผ่านเว็บเบราเซอร์
  • มีโหมดประหยัดพลังงาน หากไม่มีการใช้งานอุปกรณ์ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ระบบจะปิดเครื่องเอง
  • ต่อพ่วงได้มากถึง 245 อุปกรณ์

ขนาดกะทัดรัดและคล่องตัวสูง

สำหรับไมค์ห้องประชุมชั้นนำระดับโลก BOSCH เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ออกแบบระบบชุดไมค์ประชุมที่มีความล้ำหน้า มีโซลูชันที่แตกต่าง ซึ่ง CCS-1000D ได้ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ BOSCH มีระบบที่ใช้งานง่าย สามารถจัดการประชุมได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ห้องประชุมขนาดเล็กจนถึงห้องขนาดใหญ่ อาทิ รูปแบบการติดตั้งภายในห้องประชุมเดียวกัน หรือการประชุมแบบข้ามห้องระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขา และสำนักงานใหญ่กับโรงงานก็ไม่มีปัญหา

ให้เสียงคมชัด

ไมค์รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ช่วยส่งผ่านให้เสียงของผู้พูดส่งถึงผู้ฟังได้อย่างชัดเจน หรือให้ค่า Speech Intelligibility ที่ดีนั่นเอง โดยมีไมค์และระบบลำโพงคุณภาพเกรดพรีเมียมเป็นตัวกลาง จึงทำให้ผู้พูดและผู้ฟังรู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนได้พูดคุยกันต่อหน้า แม้จะมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมากก็ตาม

ภายในไมค์มีเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Digital Acoustic Feedback Suppression (DAFS) ผู้พูดสามารถเร่งระดับโวลุ่มของไมค์ได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องปัญหาการหวีดหอน ทุกๆ ถ้อยคำที่พูดออกไป จึงทำให้ผู้ร่วมประชุมได้ยินเสียงเหล่านั้นอย่างชัดเจน

สำรวจชุดไมค์ประชุม BOSCH CCS-1000D

ตัวไมโครโฟน

CCS-1000D เป็นชุดไมค์ประชุมรุ่นหนึ่ง ซึ่งจัดว่าออกแบบไว้ดีมาก มีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัย มีความคลาสสิคในแบบไมค์ก้าน บวกกับมีการออกแบบวัสดุคุณภาพดีมาใช้ผลิต อาทิ ตัวหัวไมโครโฟนซึ่งออกแบบโดย BOSCH จึงทำให้ได้ค่า Speech Intelligibility ที่ดี ที่ฐานไมค์มีลำโพงคุณภาพจึงตอบสนองต่ออะคูสติกห้องได้อย่างยอดเยี่ยม มีไฟ LED (สีขาว/สีแดง) บอกสถานะการทำงานของตัวไมค์ในระหว่างประชุม ด้านข้างฐานไมค์มีช่องต่อกับหูฟังและโวลุ่มปรับดังเบา

ตัวควบคุม

สำหรับอุปกรณ์ควบคุม ภายในออกแบบเป็นวงจรดิจิตอล มีะบบควบคุมกล้องอัตโนมัติ มีฟังก์ชันสำหรับควบคุมระบบไมค์ผ่านเว็บเบราเซอร์ ช่วยให้เซตอัพระบบผ่านแท็บเล็ตได้ง่ายและรวดเร็ว มีปุ่มควบคุมภาษา พร้อมกับภาคป้องกันการหวีดหอน และระบบการบันทึกเสียงที่สามารถใช้ได้ทั้งในส่วนหน่วยความจำภายในเครื่องได้กว่า 8 ชั่วโมง หรือผ่านหน่วยความจำภายนอกได้ถึง 4,000 ชั่วโมง


ชุดไมค์ประชุมแบบไร้สาย BOSCH DICENTIS 

เมื่อห้องประชุมต้องออกแบบตามความต้องการที่เปลี่ยนไป ซึ่งในโลกสมัยใหม่ต้องการเทคโนโลยีการประชุม ที่ประกอบด้วยความยืดหยุ่น ความเสถียรและปลอดภัย ไมค์ไร้สาย DICENTIS จึงเข้ามาตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ BOSCH ในระดับแนวหน้าของวงการ โดยผ่านการวิจัยพัฒนามายาวนาน ระบบการประชุมไร้สาย DICENTIS นับเป็นโซลูชันอันทรงพลังที่ผสมผสานนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพเพื่อให้ประสบการณ์การประชุมดียิ่งขึ้น นี่คือจุดเด่นระบบไมค์รุ่นนี้มอบให้

  • ความยืดหยุ่น:  รองรับการปรับแต่งให้เข้ากับห้องต่างๆ ทั้งในห้องอเนกประสงค์ ศูนย์การประชุม หรืออาคารทางประวัติศาสตร์
  • นวัตกรรม:  ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi มีมาตรฐานสูง ไม่เบียดความถี่เครือข่ายอื่น ช่วยให้การประชุมราบรื่นไร้การรบกวน
  • หน้าจอสัมผัส:  อุปกรณ์ประชุมมีหน้าจอสัมผัส ผ่านระบบไร้สายที่ปรับแต่งได้พร้อมตัวอ่าน NFC ในตัว
  • การเชื่อมต่อไร้สาย:  มาพร้อมฟังก์ชันการตั้งค่าและการควบคุมระบบไร้สายอย่างแท้จริง ด้วยฟีเจอร์ Wireless Access Point (WAP)
  • ความปลอดภัย:  ใช้การเข้ารหัส WPA2 เกรด Government สำหรับสัญญาณไร้สายทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าการสื่อสารมีความปลอดภัย
  • อคูสติกยอดเยี่ยม:  ให้การประมวลผลเสียงขั้นสูง มีระบบลดเสียงฟีดแบ็กอัจฉริยะ ช่วยมอบประสบการณ์การในห้องประชุมได้อย่างเหนือชั้น

ความยืดหยุ่นและความสมบูรณ์ทุกตำแหน่ง

ภายใต้ระบบการประชุมไร้สาย DICENTIS ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด โดยใช้เทคโนโลยีมาตรฐาน Wi-Fi เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน สามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้อิสระ ไม่ต้องถูกจำกัดเหมือนระบบสาย สามารถกำหนดค่าเฉพาะของห้องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ในห้องโถงอเนกประสงค์หรือศูนย์การประชุม ระบบไร้สายนี้ช่วยให้ติดตั้งและจัดเรียงใหม่ไมค์ได้ง่าย รวดเร็วกว่า โดยยังคงความสมบูรณ์ของสถานที่เหล่านั้นไว้มากที่สุด

นวัตกรรมเทคโนโลยี Wi-Fi

ระบบนี้มีความสามารถในการส่งคลื่น โดยไม่ถูกรบกวนจากเครือข่าย Wi-Fi อื่นๆ ด้วยมาตรฐาน IEEE 802.11n จะทำงานได้อย่างราบรื่นทั้งในย่านความถี่ 2.4 และ 5 GHz พร้อมทั้งมีฟีเจอร์จัดการระบบไร้สายอัจฉริยะ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการประชุมจะปราศจากสัญญาณรบกวน รวมถึงยังสามารถกระโดดสลับไปใช้ช่องสัญญาณที่ว่างอยู่โดยอัตโนมัติ เพื่อตอบสนองต่อการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

หน้าจอสัมผัสแบบไร้สาย

คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เด่นนี้ ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสไร้สาย อุปกรณ์ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive ขนาด 4.3 นิ้ว เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น รองรับการปรับแต่งการใส่โลโก้บริษัท และรวมถึงการขยายด้วยโมดูลซอฟต์แวร์เพิ่มเติม นับเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับระบบประชุม ทั้งในองค์กรและบริษัทให้เช่าต่างๆ ที่ต้องการยกระดับการสร้างแบรนด์หรือเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน

การเชื่อมต่อไร้สายที่แท้จริง

ตัวไมค์จะมีเว็บเบราว์เซอร์ในตัว ระบบ Wireless Access Point (WAP) จะเปิดใช้งานตามที่ผู้ใช้ทำการกำหนดค่า ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สาย ทำให้ไม่ต้องใช้เราเตอร์ไร้สาย ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่า WAP สองชุด เพื่อให้มั่นใจถึงการสื่อสารที่เชื่อถือได้และการประชุมที่ต่อเนื่อง

การรักษาความปลอดภัยระดับ Government

ด้วยความเข้าใจถึงความสำคัญของความปลอดภัยของข้อมูล DICENTIS จึงใช้การเข้ารหัสแบบ WPA2 กับสัญญาณไร้สายทั้งหมด ทำให้การป้องกันอยู่ในระดับสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องการละเมิดความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นระหว่างประชุม นอกจากนี้ยังออกแบบให้สามารถเพิ่มอุปกรณ์ได้ง่ายและปลอดภัย ด้วยโหมดพิเศษ

กำหนดค่าและควบคุมกล้องได้ง่าย

ระบบสามารถควบคุมกล้องอัตโนมัติ ไมค์รุ่นนี้รองรับกล้องรุ่น Bosch HD Conference Dome ได้สูงสุด 6 ตัว ด้วยการกำหนดค่าง่ายๆ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ของไมค์ และไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ของ Third party

ความเป็นเลิศด้านเสียง

การประมวลผลเสียงขั้นสูง ช่วยให้การประชุมแบบเห็นหน้ากันได้เสียงที่ชัดเจน แม้ตัวไมโครโฟนและลำโพงจะทำงานพร้อมกัน ตัวระบบอันชาญฉลาดของ BOSCH จะลดเสียงสะท้อนกลับ ซึ่งมักเป็นเสียงที่ไม่ต้องการ ผลคือได้ความชัดเจนของเสียงพูด แม้ใช้ในขณะเร่งเสียงดังขึ้นก็ตาม

เพลิดเพลินกับเสียงต่อเนื่อง

คุณลักษณะเฉพาะของระบบ DICENTIS คือความสามารถในการป้องกันการ Loss ของเสียงที่ถูกลำเลียงผ่านะรบบไร้สาย ช่วยให้แน่ใจว่าเสียงจะมีความต่อเนื่องไม่ขาดหาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เหนือคู่แข่ง

แอพพลิเคชั่น

ระบบการประชุมไร้สาย DICENTIS ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลงทุนของบริษัทให้เช่าระบบไมค์ และการใช้งานในห้องอเนกประสงค์อาคารทางประวัติศาสตร์ ห้องประชุมระดับนานาชาติ ให้ความสะดวกทั้งในเรื่องการติดตั้ง การเซตอัพ และขนย้าย ทำให้การลงทุนนี้คุ้มค่าสำหรับบริษัทที่มุ่งเน้นการเติบโต


สรุป

หากท่านกำลังมองหาชุดไมค์ประชุมแบบมีสาย เราขอแนะนำ BOSCH CCS-1000D ไมค์รุ่นนี้มีเทคโนโลยีสุดล้ำ สามารถติดตั้งใช้งานได้หลากหลายสถานที่ ตั้งแต่ห้องประชุมขนาดเล็กไปจนถึงห้องขนาดใหญ่ สามารถใช้ในศาลพิจารณาคดีได้ เนื่องจากมีระบบบันทึกเสียง ดังนั้น ถ้อยคำของอัยการ ผู้พิพากษา ทนาย โจทย์ จำเลย จึงถูกบันทึกไว้โดยไม่ตกหล่น

อีกหนึ่งทางเลือกชุดไมค์ประชุมแบบไร้สาย BOSCH DICENTIS เป็นโซลูชันการประชุมที่ให้ความยืดหยุ่นและมีนวัตกรรมใหม่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย มีการสื่อสารหรือเชื่อมต่อที่ปลอดภัย ปราศจากสัญญาณรบกวน มีหน้าจอสัมผัสที่ใช้งานง่าย และยังให้ประสิทธิภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ด้วยการตั้งค่าและการควบคุมที่ง่ายดาย นี่จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับความต้องการทุกโซลูชั่นของ การประชุมสมัยใหม่โดยเฉพาะ

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อระบบ Video Conference

สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง

โทร. 022031821 , 026414744

Read More
โปรแกรม APP ยอดนิยมสำหรับประชุมออนไลน์ผ่าน ระบบ Video C […]

โปรแกรม APP ยอดนิยมสำหรับประชุมออนไลน์ผ่าน ระบบ Video Conference

ปัจจุบันการประชุมติดต่อสื่อสารกันแบบตัวต่อตัว สำหรับบางองค์กรนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก แม้ว่าการพบปะกันตัวจริงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าก็ตาม หลายองค์กรมีขนาดใหญ่ แถมมีพนักงานจำนวนมาก บางคนทำงานต่างสถานที่ และอาจอยู่ไกลกัน ทำให้การเดินทางไปมาอาจไม่สะดวกนัก

ด้วยความสามารถของโปรแกรมประชุมออนไลน์ หรือบางคนอาจเรียกว่าโปรแกรมประชุมออนไลน์ผ่าน Video Conference ซึ่งทำให้เราจัดตารางเวลาวาระประชุมได้หยืดหยุ่นขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาเจอกันก็ได้

ในตลาดมีโปรแกรมประชุมออนไลน์ ประเภทต่างๆ ให้ท่านเลือกมากมาย แต่จะเลือกโปรแกรมตัวใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น บางองค์กรมีพนักงานมาก มีงบประมาณมาก และอาจต้องการคุณสมบัติเฉพาะบางอย่าง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเลือกตัวโปรแกรมประชุมออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับโจทย์ที่มี

เราขอนำเสนอรายชื่อโปรแกรมประชุมออนไลน์ เพื่อใช้ประชุมงาน ประชุมเป็นกลุ่ม จำนวน 6 โปรแกรมเพื่อให้ท่านได้ศึกษาว่า โปรแกรมสำหรับประชุมออนไลน์ตัวใด เหมาะสมและตอบโจทย์องค์กรของท่านมากที่สุด

**ด้านล่างของแต่ละหัวข้อ เราได้วางลิงค์โปรแกรมประชุมออนไลน์เพื่อให้ท่านศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม

โปรแกรมประชุมออนไลน์ Zoom

Zoom เป็นโปรแกรมประชุมออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมันมีแพ็กเกจให้เลือกมากมาย ตั้งแต่แพ็กเกจฟรี! ไปจนถึงการใช้ที่ต้องจ่ายเงิน นอกจากนี้ จุดเด่นซอฟต์แวร์ Zoom ยังให้ภาพและเสียงคมชัด มันสามารถแชร์หน้าจอภาพของเราให้ผู้ร่วมประชุมมองเห็น หรือคนอื่นจะรีโมทคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของเราจากระยะไกลก็ได้

จากความสามารถหลายอย่างของซอฟต์แวร์ตัวนี้ ทำให้หลายคนชื่นชอบการประชุมทางออนไลน์ไปเลย หลายคนที่ใช้ Zoom อยู่ เดิมทีพวกเขาเคยใช้โปรแกรมประชุมตัวอื่นมาก่อน แต่พอได้ลองใช้ Zoom แล้ว เขาเหล่านั้นแทบไม่อยากไปใช้โปรแกรมตัวอื่นอีกเลย

Zoom เป็นโปรแกรมประชุมผ่านทางเว็บ เหมาะกับการใช้ประชุมกับลูกค้าหรือผู้ร่วมงานที่อยู่ระยะไกล มีสถาบันการศึกษาหลายแห่งใช้สอนออนไลน์ให้นักศึกษา เพราะใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ

ตัวโปรแกรมรองรับระบบปฎิบัติการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Windows/MacOS/Linux OS รวมถึง iOS และ Android เรียกว่าใช้งานได้ครอบคลุมทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว

ในช่วงแรก Zoom มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย แต่ภายหลังได้มีการปรับปรุงการเข้ารหัสข้อมูล จึงทำให้ผู้ใช้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Zoom :

  • สามารถแชร์หน้าจอภาพส่วนตัวจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ตหรืออุปกรณ์โมบายต่างๆ ขึ้นพรีเซ้นต์ได้
  • มีฟังก์ชัน Whiteboard ใช้สำหรับเขียนหรือวาดรูปลงบนหน้าจอ ซึ่งคล้ายกับกระดานจริงๆ
  • รองรับโหมดภาพและเสียงคุณภาพระดับ HD
  • ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้ต่อเดือน
  • เข้ารหัสความปลอดภัยแบบ Secure Socket Layer (SSL)
  • สามารถแชทและส่งข้อความได้ ทั้งแบบส่วนตัวและแบบกลุ่ม
  • สามารถกำหนดตารางวาระประชุมด้วยปลั๊กอินส่วนขยายบนเว็บไซต์บราวเซอร์ Chrome
  • รองรับการบันทึกการประชุม
  • สามารถเข้าประชุมทางโทรศัพท์ได้
  • กำหนดประชุมได้แบบทันทีหรือกำหนดการล่วงหน้า
  • มีระบบซับพอร์ตออนไลน์
  • สร้างห้องประชุมเป็นกลุ่มย่อย ช่วยให้แบ่งวงการประชุมแยกกันได้มากถึง 50 เซสชัน

Zoom มีทั้งแบบบริการฟรีและเสียค่าบริการ ข้อจำกัดแบบฟรีที่เห็นได้ชัดคือ ในการประชุมแต่ละครั้ง ผู้ใช้จะประชุมได้ไม่เกินครั้งละ 40 นาที หากต้องการประชุมต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ต้องสร้างห้องประชุมขึ้นใหม่ แต่ล่าสุดไม่ต้องสร้างห้องใหม่ เพียงออกจากห้องนั้นแล้วกลับเข้าไปห้องเดิม ก็สามารถประชุมกันต่อได้

ในส่วนคุณสมบัติขั้นสูง เช่น การจัดการผู้ใช้งาน, การสร้าง ID เฉพาะของแต่ละผู้ร่วมประชุม, การเข้าร่วมประชุมด้วยการโทรศัพท์ และอื่นๆ ผู้ใช้จะต้องสมัครสมาชิกพรีเมียมเพื่อเสียค่าบริการจึงจะสามารถใช้งาน Zoom ได้เต็มที่ อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นในตลาดแล้ว พบว่าค่าบริการถูกกว่า

ผู้เข้าร่วมประชุม

Zoom จะจำกัดจำนวนผู้เข้ารวมประชุมต่อครั้ง ตามแพ็กเกจหรือ Plan ที่เราเป็นสมาชิกพรีเมียม ในแต่ละ Plan นั้น ผู้ใช้สามารถขยายจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมได้ ด้วยการซื้อแพ็กเกจเสริม ยกเว้นเวอร์ชั่นฟรี!

การสัมมนาและอีเว้นต์

ในกรณีบริษัทหรือองค์กรของท่านไม่สามารถจัดงานสัมมนาและอีเว้นต์ในสถานที่จริงได้ แต่ Zoom ออกแบบให้สามารถเราดำเนินการสัมมนาผ่านเว็บหรือไลฟ์สดได้

การถ่ายทอดสดแต่ละครั้งผู้รับชมจะเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ทั้งนี้ยังไม่จำกัดผู้เข้าร่วมสัมมนาและจำนวนผู้รับชมอีกด้วย ในห้องประชุม Zoom สามารถแชร์เนื้อหาจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณและไร้สาย รวมทั้งออปชันในการควบคุมตรวจสอบการประชุมออนไลน์จากระยะไกลด้วยอินเทอร์เฟซกลางเพียงตัวเดียว

นอกจากนี้ ท่านยังสามารถใช้ป้ายโฆษณาดิจิตอล/ป้ายประชาสัมพันธ์ (Digital Signage) ร่วมกับ Zoom รวมถึงการกำหนดวาระประชุมออนไลน์เพื่อช่วยปรับปรุงการสื่อสารภายในออฟฟิศ และทำให้จัดตารางวาระประชุมแต่ละครั้งได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม https://zoom.us/


โปรแกรมประชุมออนไลน์ Microsoft Teams

ด้วยชื่อชั้นของไมโครซอฟต์คนจำนวนมากต่างให้ความไว้วางใจ สำหรับซอฟต์แวร์ Microsoft Teams เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการทำงานของผู้คนจำนวนมากให้เป็นไปอย่างราบรื่น มันถูกผนวกเข้ากับแอปพลิเคชันออฟฟิศ เช่น Word และ SharePoint (อยู่ใน Office 365)

ตัวโปรแกรมถูกออกแบบให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารตอบโต้กันทางไกลได้อย่างยอดเยี่ยม ทางไมโครซอฟต์ยังได้ผนวกตัว Skype for Business ให้สามารถทำงานกับ Microsoft Team ได้อีกด้วย

จุดเด่นของโปรแกรมประชุมออนไลน์ตัวนี้ ยังออกแบบให้รองรับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ อีกจำนวนมาก อย่างเช่น Slack โปรแกรมใช้แชท ใช้ส่งข้อความในกลุ่มส่วนตัว ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดพอสมควร

Microsoft Teams เป็นเครื่องมือที่เข้ากับโปรแกรมแชทอื่นๆ ได้ดีตัวหนึ่ง ซึ่งในตลาดก็มีให้เลือกมากมาย แต่ตัวเลือกสำหรับการประชุมออนไลน์นั้น ไมโครซอฟต์อาจเหนือชั้นกว่าในแง่ที่ว่า มันสามารถเปิดประชุมออนไลน์จากแชทของพวกเขาได้โดยตรง

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Microsoft Teams :

  • มี Word, Excel และ PowerPoint ให้ (เป็นเวอร์ชันบนเว็บเบราเซอร์)
  • รองรับการจัดเก็บและแชร์ข้อมูลร่วมกันได้
  • สามารถอัพเกรดผู้เข้าร่วมประชุมได้สูงถึง 300 คน
  • มีทีมซับพอร์ตทั้งทางโทรศัพท์และบนเว็บไซต์ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน

คุณสมบัติหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Microsoft Teams คือสามารถเชิญแขกที่ไม่ได้อยู่ใน Azure Active Directory ขององค์กรได้ด้วย นอกจากนี้ Microsoft Teams เวอร์ชันมือถือยังรองรับข้อความเสียง (voicemail) บน Android และ iOS อีกด้วย

หมายเหตุ : Azure Active Directory เป็นบริการรูปแบบหนึ่งที่ใช้ควบคุมการเข้าถึงระบบคลาวด์ เช่น พนักงานขององค์กรจะต้องยืนยันตัวตนก่อนเข้าระบบ เมื่อได้สิทธิ์ในการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ บนคลาวด์แล้ว ก็ไม่ต้องยืนยันตัวตนซ้ำซ้อน

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.microsoft.com/en-us/microsoft-teams/group-chat-software


โปรแกรมประชุมออนไลน์ GoToWebinar

GoToWebinar เป็นแพลตฟอร์มเหมาะสำหรับธุรกิจและผู้ประกอบการรายย่อย ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ดำเนินการประชุมออนไลน์กับลูกค้า ผู้ร่วมงาน หุ้นส่วนและอื่นๆ ด้วยความสามารถโปรแกรม GoToWebinar นั้นถือว่าครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้กว้างมากๆ

โปรแกรมประชุมออนไลน์ตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ระดับอาชีพ รวมถึงบริษัทหรือองค์กรที่ต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยการจัดฝึกอบรมสัมมนาผ่านการประชุมทางออนไลน์ และการพูดคุยสื่อสารโต้ตอบกันด้วยเสียง โดยไม่ต้องมาพบปะกัน

ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายนั้น ทำให้โปรแกรมตัวนี้ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ของตลาด โดยตัว GoToWebinar ออกแบบมาเพื่องานสัมมนาออนไลน์ผ่านเว็บโดยเฉพาะ เพื่อบริการผู้คนและบริษัทต่างๆ

ตัวโปรแกรมเซตอัพง่าย ผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้ด้านไอทีก็สามารถใช้งานได้ จากความเรียบง่ายของมันช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างฐานลูกค้าเป้าหมายด้วยต้นทุนในการจัดการที่ต่ำลง

GoToWebinar สามารถทำงานได้ทั้งบนพีซีและเครื่องแมค ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถร่วมสัมมนาผ่านเว็บได้ง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องความต้องการของระบบอุปกรณ์ไอทีเฉพาะทาง

ราคาที่ต้องจ่าย :

GoToWebinar ต่างจาก Zoom คือมีเวอร์ชันฟรี! ให้ใช้งานเพียง 7 วัน หากต้องการใช้งานต่อต้องซื้อแพ็กเกจรายเดือนหรือรายปี ได้แก่ Lite, Standard ,Pro และ Enterprise อย่างไรก็ดี ท่านสามารถอัพเดตข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติมได้ผ่านทางเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ

ลักษณะเด่นของโปรแกรม GoToWebinar :

  • มี GotoMeeting, ระบบอีเมล์อัตโนมัติ
  • สามารถสร้างชื่อแบรนด์แบบกำหนดเอง
  • ตอบโต้กับผู้ร่วมประชุมได้, มีมุมมองผู้รับชม
  • ระบบเน็ตเวิร์กมีความปลอดภัย
  • แชร์เดสก์ท็อปและแอปพลิเคชันได้
  • ระบบประชุมทางวิดีโอแบบ HDFaces
  • มีรีพอร์ตข้อมูลและการวิเคราะห์
  • ใช้งาน VoIP, โทรฟรี
  • บันทึกออนไลน์และแบบ Local ได้
  • กำหนด URL ได้เอง, สามารถบันทึกอีเว้นต์
  • มีวิดีโอเอดิเตอร์, รองรับแอพฯมือถือ
  • แชร์วิดีโอได้, ใส่ทรานสคริปต์ได้
  • สามารถตั้ง Pre-record Events บันทึกเหตุการณ์ล่วงหน้า

GoToWebinar ถือเป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่ต้องลอง เพราะเป็นโปรแกรมที่ไม่ได้มีไว้ประชุมอย่างเดียว ยังมีไว้สำหรับสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เช่น การฝึกอบรม การแบ่งปันความรู้ หรือการทำแคมเปญการตลาดที่ต้องการแสดงให้ผู้รับชมเห็นว่าผลิตภัณฑ์ทำงานอย่างไร หรือบริการของท่านมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร

โปรแกรมนี้ถือว่าตอบโจทย์นักการตลาดสมัยใหม่ทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนการวางแผน การโปรโมทสินค้า การสร้างการมีส่วนร่วม การทำ Conversion เพื่อวัดผลลัพธ์ และการวิเคราะห์เชิงลึกด้วยข้อมูลของผู้เข้าร่วมประชุม

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.gotomeeting.com/


โปรแกรมประชุมออนไลน์  Skype for Business

สำหรับตัวโปรแกรม Skype for Business เป็นแพ็กเกจที่ถูกรวมไว้ในชุด Microsoft Office 365 คาดว่าหลายคนคุ้นเคยกับโปรแกรมนี้กันดี อย่างไรก็ดี ตัวเวอร์ชันธุรกิจนั้นได้ยกระดับฟีเจอร์บางอย่างซึ่งเหนือกว่าเวอร์ชันฟรี

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Skype for Business :

  • ประชุมได้ไม่จำกัด
  • สามารถแชร์หน้าจอได้
  • รองรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีได้ตลอดเวลา
  • มีระบบการรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม
  • รองรับการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมสูงสุด 250 คน
  • Skype ยังสามารถผนวกเข้ากับชุดโปรแกรม Microsoft Office เช่น Word, Excel, PowerPoint, OneNote และ Outlook ได้อย่างง่ายดาย

การใช้บริการแพ็กเกจระดับองค์กรหรือ Enterprise จะทำให้โฮสรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้สูงถึง 250 คน ผ่านระบบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกดักฟัง กรณีอัพเกรดเป็น Online Plan 2 จะทำให้ใช้งานระบบภาพและเสียงระดับ HD และมีพื้นที่จัดเก็บอีเมล์อีก 50GB และอัพเกรดเพิ่มได้ถึง 1TB รวมถึงมีเจ้าหน้าที่คอยซัพพอร์ตด้านเทคนิค

อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้ทางไมโครซอฟต์ได้ประกาศว่าจะยุบ Skype for Business ไปรวมกับซอฟต์แวร์ Microsoft Teams กำหนดการคือหลังกรกฎาคม 2564 ซึ่งผู้ใช้เดิมอาจต้องมองหาโซลูชันใหม่

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.skype.com/


โปรแกรมประชุมออนไลน์ Cisco Webex

Cisco Webex อีกหนึ่งตัวท็อปของวงการ เป็นโปรแกรมประชุมออนไลน์ที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับการใช้ฝึกอบรมออนไลน์, การสัมมนาผ่านเว็บไซต์, การรีโมทซับพอร์ตลูกค้าทางไกล

และยังเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยเป็นลำดับแรก เพราะโปรแกรมตัวนี้ได้ออกแบบระบบให้สอดคล้องตามกฎหมาย ไม่สอดแนมหรือปล่อยรูโหว่ให้เหล่าร้ายเข้ามาล้วงข้อมูลผู้ใช้งาน

โปรแกรมประชุมออนไลน์ตัวนี้มีคุณสมบัติคือใช้การเข้ารหัสแบบ Transport Layer Security (TLS) ซึ่งเป็นโพรโตคอลหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูง มันถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ระบบอีเมล์ของ Gmail ของกูเกิลก็ใช้งานโพรโตคอลนี้เช่นกัน

Cisco Webex ยังได้ผนวกรวมกับ Outlook และสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแมค วินโดวส์ และ iPad ยิ่งกว่านั้น Cisco Webex ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบโซลูชันที่มีการทำงานจากระยะไกล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มฟังก์ชันเฉพาะทาง เพื่อให้การฝึกอบรม การบริการซัพพอร์ตลูกค้าทางไกล หรือการสัมมนาออนไลน์ผ่านเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Cisco Webex :

  • สามารถแชร์หน้าจอได้
  • แสดงภาพวิดีโอด้วยความละเอียดสูง
  • ประชุมได้ไม่จำกัดจำนวนคน
  • รองรับการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (ข้อจำกัดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ Plan หรือแพ็กเกจที่ใช้บริการ)
  • มีบริการซัพพอร์ตทางโทรศัพท์ในเวลาทำการ สำหรับ Plan ราคาถูก และบริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันหากเลือก Plan ราคาที่สูงกว่า

ผู้เข้าร่วมประชุม

Cisco Webex มีแพ็กเกจให้ใช้งานฟรี แต่การประชุมทางออนไลน์นั้นมีข้อจำกัดบางประการ โดยอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งละไม่เกิน 2 คนเท่านั้น ส่วนแพ็กเกจจ่ายเงินจะอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมประชุมระหว่าง 50 ถึง 1,000 คน ทั้งนี้จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมจะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับว่าท่านเลือกแพ็กเกจใด

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.webex.com/


โปรแกรมประชุมออนไลน์ Google Meet

โปรแกรมประชุมออนไลน์อีกตัวหนึ่งที่น่าจับตาคือ Google Meet เป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งของกูเกิล ซึ่งปัจจุบันทุกคนใช้งานได้ฟรี มันถูกออกแบบมาเพื่อบริการการประชุมออนไลน์ในเชิงธุรกิจ มีระบบความปลอดภัยที่ดี ทุกคนสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน

ราคาที่ต้องจ่าย

Google Workspace Essentials เป็นแพ็กเกจเริ่มต้น โดยทางกูเกิลจะคิดค่าบริการต่อหัวเริ่มต้น 8 ดอลล่าร์ต่อเดือน จ่ายเท่าที่มีคนใช้งานจริง แพ็กเกจนี้สามารถประชุมได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง รองรับผู้เข้าร่วมประชุมสูงสุดครั้งละ 150 คน และไม่จำกัดจำนวนวาระประชุม มีบริการจากฝ่ายเทคนิคทางออนไลน์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ให้พื้นที่เก็บข้อมูลกูเกิลไดรฟ์ 100GB ต่อคน (รวมกันไม่เกิน 2TB) เหมาะกับธุรกิจเอสเอ็มอี

Google Workspace Enterprise เป็นแพ็กเกจสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ สำหรับราคาต้องติดต่อฝ่ายขายเพื่อขอข้อมูลราคา แพ็กเกจนี้รองรับการประชุมออนไลน์ได้สูงสุด 250 คน อะไรที่ Google Workspace Essentials ทำได้ แพ็กเกจนี้ทำได้หมด สำหรับสิ่งที่ได้มาเพิ่มคือ มีลูกเล่นใช้ลดเสียงรบกวนอัจฉริยะ รองรับผู้ชมสูงสุด 1 แสนคน มีระบบความปลอดภัยรัดกุมแน่นหนากว่ามาก ให้พื้นที่เก็บข้อมูล Google ไดรฟ์ไม่จำกัด

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Google Meet :

  • มีความปลอดภัยสูง
  • ประชุมได้ทุกที่
  • รับผู้ชมได้สูงสุด 100,000 คน
  • ประชุมออนไลน์ได้สูงสุด 250 คน
  • มีบริการฟรี!
  • รองรับองค์กรทุกขนาด
  • ประชุมได้ทุกอุปกรณ์
  • มีระบบ AI ปรับลดคุณภาพภาพและเสียง

เมื่อพิจารณาจากฟีเจอร์ของโปรแกรม Google Meet แล้ว พบว่าน่าใช้งาน คาดว่าในอนาคตจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของค่ายอื่นๆ เพราะมีลูกเล่นหลายอย่าง อาทิ มีระบบจัดตารางวาระประชุมออนไลน์แบบง่ายๆ สามารถแชร์หน้าจอเพื่อนำเสนอเอกสาร สไลด์หรือหน้าต่างโปรแกรมอื่นๆ ที่อยู่บนคอมพิวเตอร์/มือถือ

โปรแกรม Google Meet รองรับการประชุมออนไลน์ขนาดใหญ่ซึ่งทำได้สูงสุด 250 คนในคราวเดียว สามารถเข้าร่วมประชุมจากโทรศัพท์ได้ หมายถึงการเข้าร่วมแบบวิดีโอคอลนั่นเอง หรือจะคอลเฉพาะเสียงก็ได้ สามารถควบคุมวาระการประชุมได้ดังใจ สามารถประชุมออนไลน์ภายในองค์กรด้วยการไลฟ์สดผ่านโดเมนเดียวกัน โดยพนักงานสามารถรับชมได้พร้อมกันสูงสุด 1 แสนคน!

ปัจจุบันองค์กรระดับโลกอย่าง แอร์บัส (Airbus), คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (Colgate-Palmolive), ทวิตเตอร์, เวิร์ลพูล และอีกหลายแห่ง เลือกใช้โปรแกรมประชุมออนไลน์ Google Meet

รายละเอียดเพิ่มเติม https://apps.google.com/intl/en/intl/th_ALL/meet/


ข้อสรุป

แม้ผู้ใช้จะมีทางเลือกมากมาย จนหลายคนตั้งคำถามว่า “เลือกตัวไหนดี” เรามีเคล็ดลับบางประการน่าจะเป็นประโยชน์ที่ควรนำไปพิจารณาในการประเมินงบประมาณและความต้องการของท่าน โดยมีข้อสรุปดังนี้

  1. หากมีแผนการประชุมทางวิดีโอบ่อยๆ ควรเลือกจ่ายเงินครั้งเดียวเป็นรายปีจะถูกกว่าการทยอยจ่ายแบบเดือนต่อเดือน
  2. บางแพ็กเกจจะคิดค่าบริการต่อหัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจำนวนที่จะใช้จริงเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
  3. กรณีโปรแกรมใดไม่มีบริการให้ทดลองใช้งานฟรีหรือรุ่นให้ใช้ฟรี ควรขอให้เขาสาธิตระบบให้ดูก่อนค่อยตัดสินใจซื้อบริการ

**สรุปอันดับโปรแกรมประชุมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากมากไปน้อยคือ

  1. Zoom
  2. Cisco Webex
  3. GoToWebinar หรือ GotoMeeting
  4. Skype of Business
  5. Microsoft Teams
  6. Google Meet

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อระบบ Video Conference

สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่ บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง

โทร. 022031821 , 026414744

Read More
หากกล่าวถึงระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) […]

หากกล่าวถึงระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) ทุกวันนี้เริ่มมีความจำเป็นต่อองค์กรต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถสื่อสาร พูดคุยกับทีมงานในระยะไกลได้ เสมือนว่าคู่สนทนา มีการพูดคุยกันต่อหน้าเลยทีเดียว เนื่องจากระบบความเร็วของอินเตอร์เน็ตเอื้อให้การสื่อสารลักษณะนี้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คืออุปกรณ์ชุดประชุมต่างๆ ที่จะต้องถูกติดตั้งภายในห้องประชุม เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของห้องเหล่านั้น

บทความนี้จะมาแนะนำอุปกรณ์คอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่สูง สามารถติดตั้งในห้องประชุมได้หลากหลายชนิด เช่น ห้อง Presentation ห้องขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ห้องเรียน หรือห้อง Huddle Room รวมถึงการแนะนำอุปกรณ์รับส่งภาพและเสียงชนิดไร้สายอีกด้วย

“เราขอแนะนำชุดอุปกรณ์สำหรับการประชุม Video Conference แบบง่ายๆ ที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ในราคาโปรโมชันพิเศษ”

ชุดที่ 1 YAMAHA Pack

ราคาพิเศษ 79,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าบริการ Set-Up และติดตั้ง)

ในชุดประกอบด้วย:

  • YAMAHA CS700AV วิดีโอซาวด์บาร์ (มีไมโครโฟน, กล้อง, พร้อมลำโพง) 1 เครื่อง
  • KRAMER VIA Go (อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบไร้สาย) 1 ตัว
  • KRAMER VIA Pad (อุปกรณ์ต่อพ่วง เพื่อรับส่งสัญญาณภาพ เสียง สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการลง software บน PC)

ชุดที่ 2 AMX Pack

ราคาพิเศษ 69,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าบริการ Set-Up และติดตั้ง)

ในชุดประกอบด้วย:

  • AMX ACV5100 Acendo Vibe วิดีโอซาวด์บาร์ (ไมโครโฟน, กล้อง, พร้อมลำโพง) 1 เครื่อง
  • KRAMER VIA Go (อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบไร้สาย) 1 ตัว
  • KRAMER VIA Pad (อุปกรณ์ต่อพ่วง เพื่อรับส่งสัญญาณภาพ เสียง สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการลง software บน PC)

ชุดที่3 GYGAR CG-C200 Conference Kit (ชุดประหยัด)

ราคาพิเศษ 45,900 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าบริการ Set-Up และติดตั้ง)

ในชุดประกอบด้วย:

  • ชุดไมโครโฟนรอบทิศทางพร้อมลำโพงในตัว 1 เครื่อง
  • กล้องความละเอียดสูงสุดในระดับ Full HD 1 ตัว
  • เครื่องกระจายสัญญาน HUB แบบ USB 1 ตัว

หมายเหตุ :

  • ลูกค้าต้องมีคอมพิวเตอร์หรือ Notebook 1 เครื่อง
  • ในส่วนของ Software สำหรับการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ อาทิเช่น SKYPE, ZOOM, MEET ทางลูกค้าสามารถ Download แบบฟรีหรือแบบ License ขึ้นอยู่กับทางลูกค้า
  • ราคาค่าบริการ Set-Up และติดตั้งเป็นราคาเฉพาะกรุงเทพมหานคร (ไม่รวมอุปกรณ์เพิ่มเติมอื่นๆนอกเหนืกจากในชุดโปรโมชั่น)

รู้จักอุปกรณ์และรายละเอียด

สำหรับอุปกรณ์คอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์ชุดที่ 1 และ 2 นั้น ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่แพง เหมาะกับองค์กรที่มีงบจำกัด สามารถติดตั้งในห้องประชุมได้หลากหลายชนิด เช่น ห้อง Presentation ห้องขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ห้องเรียน หรือห้อง Huddle Room รวมถึงการแนะนำอุปกรณ์รับส่งภาพและเสียงชนิดไร้สายอีกด้วย

Yamaha CS-700 AV (วิดีโอซาวด์บาร์)

CS-700AV เป็นวิดีโอซาวด์บาร์คุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อใช้กับห้องประชุม Huddle Room สามารถใช้ประชุมทางไกล ให้ภาพคมชัดระดับ Full HD มีระบบเสียงที่ดี ช่วยให้การสื่อสารได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ มุมกล้องรับภาพกว้างถึง 120 องศา มีระบบรับเสียงแบบอัจริยะ ผ่านไมโครโฟนอาร์เรย์ ตรวจจับทิศทางเสียงของผู้พูดภายในห้องประชุมแบบอัตโนมัติ พร้อมลำโพงในตัวถึง 4 จุด รวมถึงมีระบบตัดเสียงสะท้อน (Echo) ในตัวอีกด้วย CS-700aAV สามารถทำงานร่วมกับระบบปฎิบัติการ Windows, Mac, Google Play Store ได้

Huddle Room คือห้องประชุมขนาดเล็ก ที่มีผู้ร่วมประชุมประมาณ 5 คน พบปะกันแบบง่ายๆ และใช้เวลาอย่างรวดเร็ว ห้อง Huddle Room โดยทั่วไปประกอบด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ กล้องวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์ จอทีวี LCD, LED โต๊ะขนาดเล็กที่วางอยู่ตรงกลาง พร้อมเก้าอี้ และอาจมีกระดานไวท์บอร์ดด้วย

สำรวจอุปกรณ์ CS-700

ตัว CS-700 มีส่วนประกอบหลักคือ ชุดลำโพง 4 จุด มีไมค์รับเสียง 4 ชุด กล้องรับภาพ 120 องศา แบบ HD ด้านหน้าเครื่องมีปุ่มควบคุมความดังสามารถกดเพิ่มหรือลดความดังได้ พร้อมกับปุ่มปิดไมค์ ปิดกล้อง ปุ่มบลูทูธ  NFC บลูทูธ และไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่อง

ตัว CS-700 ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานที่จำเป็นมาให้ครบถ้วน อย่างเช่นตัวโวลุ่มควบคุมเสียง ผู้ใช้สามารถเร่งความดังขึ้นหรือลดให้เบาลงได้ รวมถึงไมค์ก็สามารถสั่ง Mute ด้วยปุ่ม mute/unmute แต่เงื่อนไขคือขณะนั้นไมค์จะต้องถูก activate แล้ว บนตัวสวิตซ์โวลุ่มจะมี LED แสดงสถานะการทำงาน หากเป็นสีขาวแสดงว่าโวลุ่มถูกเปิดใช้งาน แต่หากไฟถูกปิดแสดงว่าโวลุ่มปิดการทำงาน ส่วนไมค์ถ้าโชว์สีเขียวแสดงว่าไมค์เปิดใช้งานแล้วแต่เปิดรับเสียงไว้ปกติ กรณีโชว์สีแดงหมายถึงไมค์เปิดใช้งานแต่มีการปิดรับเสียง และกรณีไม่มีไฟสว่างเลย หมายถึงไมค์ถูกปิดการใช้งาน

กล้องก็คล้ายกับไมค์แต่สถานะการทำงานจะมีถึง 4 สถานะ คือ กล้องทำอยู่และเปิดรับภาพปกติ ไฟ LED ที่กล้องจะโชว์สีเขียว หากกล้องทำงานอยู่แต่ถูกระงับการรับภาพ ไฟ LED จะโชว์สีแดง หากกล้องถูกปิดการทำงาน LED จะโชว์สีขาว และกรณีที่มีการอัพเกรดซอฟต์แวร์ จะกระพริบช้าๆ เป็นสีแดง

การทำงานของบลูทูธ (Bluetooth Pairing) จะแสดงสถานะมากถึง 6 สถานะ ส่วน NFC Pairing จะแสดงเพียงแค่ 2 สถานะคือ Enabled กับ Not Enabled สุดท้ายคือสถานะการทำงานตัวเครื่อง จะแสดง 5 สถานะ เช่น ถ้าไฟเป็นสีขาว หมายถึง ไม่มีการ Call หรือหากเชื่อมต่อกับ USB แต่ไม่มีสัญญาณวิดีโอ/เสียง ถ้าไฟสีเขียวหมายถึงการ Call กำลังทำงานอยู่ หากกระพริบเป็นสีเขียวหมายถึงการพักสาย หากเป็นสีแดงแสดงว่าอุปกรณ์มีปัญหา

เมื่อสำรวจด้านหลังเครื่องจะพบช่อง AUX-In ซึ่งอยู่ด้านบนสุด ถัดลงมาเป็นช่องเชื่อมต่อเพื่อขยายไมโครโฟน ตำแหน่งถัดลงมาเป็นช่องต่อกับไฟฟ้า และช่องพอร์ต Ethernet ถัดลงมาเป็นช่องพอร์ต USB และสุดท้ายเป็นช่อง USB ที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้เอนกประสงค์

จากการสำรวจทั้งหน้าและหลังเครื่องพบว่า CS-700 ออกแบบฟังก์ชัน และลักษณะการใช้งานเพียงพอต่อการใช้งานในห้องประชุมขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้านหน้าแสดงสถานะการทำงานให้ผู้ใช้หรือช่างเทคนิครับรู้สถานะการทำงานของเครื่อง ส่วนด้านหลังมีช่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกเพิ่มเติมได้ด้วย

การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

CS-700AV สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB 3.0 แบบ USB Type-B ผ่านด้านหลังเครื่อง นอกจากการเชื่อมต่อผ่านสาย USB 3.0 แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องรับส่งภาพและเสียงแบบไร้สายได้อีกด้วย เช่น Kramer Via Go ซึ่งเป็นอุปกรณ์รับส่งภาพและเสียงคุณภาพ ที่รองรับทั้ง PC, Mac, iOS และ Android รองรับภาพ Full HD การเชื่อมต่อ HDMI, Mini DisplayPort เพื่อเปิดใช้งานเธิร์ดปาร์ตี้ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับ webinar, conferencing, softphone ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โทรศัพท์แต่ทำงานบนคอมพิวเตอร์ รันผ่าน VoIP โพรโตคอล นับว่าเป็นการขยายขีดความสามารถของ CS-700 ขึ้นไปอีกขั้น

อย่างไรก็ดี ตัวเครื่องสามารถเชื่อมต่อกับ USB 2.0 ได้ แต่ระบบจะลดทอนความละเอียดของภาพเหลือราว 360p แต่หากอยากใช้ประสิทธิภาพเต็มที่แนะนำให้เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 3.0 หรือผ่าน Kramer Via Go และ Kramer Via Pad เท่านั้น

นอกจากนี้ CS-700 ยังสามารถเชื่อมต่อผ่าน IP Network เพื่อใช้บริหารจัดการขั้นสูง ด้วยระบบ Plug-and-Play บางครั้งการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการผู้ใช้งาน ดังนั้น อุปกรณ์จึงสามารถรองรับระบบเน็ตเวิร์กโพรโตคอลที่ซับซ้อนได้ อาทิ Web-UI, SNMP, SIP/VOIP


AMX Acendo Vibe ACV5100 (วิดีโอซาวด์บาร์)

เป็นอุปกรณ์วิดีโอคอนเฟอเรนซ์อีกตัว มีฟีเจอร์ครบเครื่อง ทั้งภาพและเสียง รวมถึงกล้อง มีมุมรับภาพได้กว้าง มีลำโพงในตัว และไมโครโฟน ภายในมี DSP จาก JBL พร้อมการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและระบบ Plug-and-Play ผ่าน USB

สำหรับ Acendo Vibe 5100 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเว็บคอนเฟอเรนซ์ ที่บรรจุกล้องจับภาพในตัว ให้คุณภาพเสียงที่ดีระดับ JBL เกรดมืออาชีพ อุปกรณ์ออกแบบได้หรูหรา ติดตั้งเข้ากับห้องประชุมสมัยใหม่ ตัว Acendo Vibe มีฟีเจอร์โดดเด่นหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นกล้องจับภาพมุมกว้าง ทำให้สามารถจับภาพคนในห้องประชุมจำนวนมากได้อย่างครอบคลุม ภายในยังบรรจุลำโพง JBL ให้เสียงคุณภาพดี ไมโครโฟนตอบสนองต่อการรับเสียงในระยะไกล (far-field) พร้อมทั้งมีอัลกอริทึมจาก JBL ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าทุกตำแหน่งการฟังภายในห้องนั้นจะได้ยินเสียงชัดเจน นอกจากนี้ ตัวกล้องและไมโครโฟนได้บรรจุฟังก์ชันตัดเสียงกล้อง กล่าวคือทั้งภาพและเสียงจะทำงานสอดคล้องกัน

HDMI, USB และบลูทูธ ถือเป็นอินเทอร์เฟซพื้นฐานที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก โดยได้ผนวก Acendo Core ลงไป สามารถตอบโจทย์ห้องประชุมได้หลากหลาย สามารถใช้งานควบคุมการเปิด/ปิดจอ CEC รวมถึงยังมีภาคออดิโออินพุตและเอาท์พุต ซึ่งทำให้ควบคุม Acendo Vibe เข้ากับห้องต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีได้ทุกระดับ

ความโดดเด่นของ Acendo Vibe

Acendo Vibe 5100 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในห้องที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน อย่างเช่นห้องประชุม ตัว Acendo Vibe นั้น เป็นคอนเฟอร์เรนซิ่งซาวด์บาร์ มีไมโครโฟน มีลำโพงและกล้องอยู่ในตัว รองรับการประชุมทางไกลด้วยเสียงก็ได้ มีรูปลักษณ์สวยงาม มีฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย สำหรับ Acendo Vibe จะมีด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่นที่มีกล้องและไม่มีกล้อง ระบบเสียงจูนโดย JBL และเทคโนโลยีขั้นสูงที่ถูกใส่เข้ามาคือไมโครโฟนแบบ Auto Steering คือจะปรับหาเสียงคนพูดโดยอัตโนมัติ ตัวเครื่องจะปรับตำแหน่งไมค์เพื่อไปรับเสียงของผู้พูด เพื่อกำจัดเสียงรบกวนรอบข้างเพื่อให้ได้เสียงจริงของผู้พูดให้ได้มากที่สุด รวมถึงตัวประมวลต่างๆ ที่ถูกใส่มาในตัวคอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์รุ่นนี้ ประกอบด้วย Echo Cancellation ซึ่งจำเป็นมากสำหรับการทำงานด้านคอนเฟอร์เรนซ์

สังเกตว่าจะมี HDMI In/Out อุปกรณ์ตัวนี้นอกจากจะนำภาพเข้าเพื่อจะเอาเสียงและภาพไปออกทีวีแล้วเนี่ย ตัว Acendo ยังมีโปรแกรมที่สามารถใช้งานควบคุมโทรทัศน์ เช่นเมื่อผู้ใช้เสียบ HDMI เข้ากับคอมพิวเตอร์ ระบบจะเรียกโปรแกรมมาเปิดทีวีให้ ในทางกลับกันเมื่อสิ้นสุดการใช้งาน อุปกรณ์จะปิดโทรทัศน์ให้เราเอง สำหรับช่องเชื่อมต่อสัญญาณเสียงมี Aux In กับ Aux Out สองช่องนี้ จะรับเสียงเข้ามาออกลำโพง และเสียงไปออกลำโพงตัวอื่นได้ และยังมี Optical Stereo Input อีกด้วย ตัว Acendo Vibe สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ผ่านสาย USB ซึ่งสายนี้จะส่งสัญญาณภาพจากล้องและเสียงด้วยสายเพียงเส้นเดียว ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับบลูทูธ เพื่อใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ

ในการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ตัว Acendo Vibe 5100 จะทำหน้าที่เหมือนบลูทูธที่เป็น Small Talk ของผู้ใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประชุมผ่านโทรศัพท์ได้เช่นกัน สำหรับการควบคุมการใช้งาน ตัว Acendo Vibe จะมีรีโมทไร้สายมาให้ ซึ่งการทำงานจะเหมือนผู้ใช้กดปุ่มบนตัวอุปกรณ์ Acendo Vibe ประกอบด้วยปุ่ม Mute ลำโพง, Mute ไมค์ วางสายคอนเฟอเรนซ์ ปุ่มบลูทูธเพื่อใช้ในกรณีเชื่อมต่อกับมือถือ ด้านหลังยังมีปุ่ม Source Select ผู้ใช้ยังสามารถหมุนวงแหวนรอบๆ คล้ายกับการหมุนเครื่องเสียงทั่วไป ขณะเดียวกันผู้ใช้ยังสามารถควบคุมปุ่มต่างๆ เหล่านี้ด้านข้างอุปกรณ์ได้เช่นกัน


 

GYGAR CG-C200 Conference Kit

ชุดกล้อง Conference สำหรับงานในห้องประชุมและห้องเรียนขนาดเล็กพร้อมกับชุดลำโพงและไมโครโฟน ตัวกล้องให้ความคมชัดในระดับ Full HD ส่วนตัวไมโครโฟนสามารถครอบคลุมเสียงได้กว้างถึง 6 เมตร ใช้งานได้ง่ายแบบ Plug-and-play ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ในชุดประกอบด้วย :

  • ชุดไมโครโฟนรอบทิศทางพร้อมลำโพงในตัว 1 เครื่อง
  • กล้องความละเอียดสูงสุดในระดับ Full HD 1 ตัว
  • เครื่องกระจายสัญญาน HUB แบบ USB 1 ตัว

คุณลักษณะเด่นของ GYGAR CG-C200

  • Full HD กล้องให้ความละเอียดสูงสุดในระดับ Full HD ให้ภาพที่ครบทุกรายละเอียดและสีสันสดใส สัมผัสได้ถึงความคมชัด
  • Optical Zoom เก็บรายละเอียดได้คมชัดมากขึ้นด้วยการซูมจากชิ้นเลนส์ถึง 10 เท่า
  • Camera Preset สามารถบันทึกมุมกล้องไว้ได้ถึง 10 มุม ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงมุมกล้อง
  • Sensitive and Intelligent Microphone ไมโครโฟนรับเสียงได้รอบทิศทาง 360 องศา ในระยะที่ครอบคลุมถึง 6 เมตร ทำให้รับเสียงได้ชัดเจน แม้ผู้พูดอยู่ห่างจากตัวไมโครโฟน เสียงที่มีคุณภาพและชัดเจนมากขึ้น ด้วยระบบหาทิศทางอัตโนมัติ และระบบควบคุมความดังเสียงอัตโนมัติที่ทำให้ได้เสียงที่ดี นอกจากนี้ยังมีระบบขจัดเสียงสะท้อนที่ช่วยให้ได้เสียงจากการพูดชัดเจน
  • Plug and play ใช้งานได้ง่ายไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์ เพียงแค่เชื่อมต่อ USB กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเชื่อมต่อบลูทูธกับอุปกรณ์อื่นๆที่รองรับ

Kramer Via Go (อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบไร้สาย)

ปัจจุบันระบบไร้สายได้รับความนิยมทุกวงการ เนื่องจากมีความง่ายสะดวกต่อการใช้งาน การเชื่อมต่อแบบไร้สายเป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีรูปแบบเฉพาะ คือไม่ต้องใช้สายสัญญาณเชื่อมต่ออุปกรณ์ โดยอาศัยการส่งข้อมูลด้วยคลื่นความถี่ ส่งผ่านตัวรับและตัวส่งผ่านอากาศ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ โดยไม่ต้องเดินสายให้ยุ่งยาก

ในระบบชุดประชุมนั้น หากออกแบบด้วยระบบไร้สายก็จะช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้รวดเร็ว มีความคล่องตัว ไร้ปัญหาเรื่องสายสัญญาณซึ่งบางครั้งอาจจะไม่รองรับคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้งานกับกล้องคอนเฟอเรนซ์ และการเชื่อมต่ออุปกรณ์จะมีตัวรับและตัวส่ง เช่น Kramer Via Pad ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแชร์สัญญาณจากคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์ตัวรับ/ส่งสัญญาณ นั่นคือ Kramer Via Go ซึ่งได้เชื่อมต่อกับกล้องคอนเฟอเร้นซิ่งซาวด์บาร์ จากนั้นภาพจะถูกส่งขึ้นจอ สังเกตว่าอุปกรณ์ทั้งคู่นั้นจะเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB บนตัวอุปกรณ์ทั้งต้นทางและปลายทาง

สรุป

Acendo Vibe จาก AMX เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การประชุมคอนเฟอเรนซ์ของเราง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย และ Yamaha CS-700 เป็นอุปกรณ์คอนเฟอเรนซ์คุณภาพสูง ให้ภาพคมชัดสมจริง มีเสียงระดับอาชีพ รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายแบบ ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Yamaha ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในวงการนี้ และคอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์ทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์รับส่งสัญญาณภาพและเสียง Kramer Via Go และ Via Pad ได้เป็นอย่างดี ท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทมิวสิคสเปซได้โดยตรง


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อระบบ Video Conference

สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่ บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง

โทร. 022031821 , 026414744

Read More
ในปัจจุบันเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำรง […]

ภาพหลัก1

ในปัจจุบันเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำรงชีวิตของคนเรามากขึ้น จากโลกที่ดูกว้างใหญ่กลับเล็กลงไปในถนัดตา เมื่อการสื่อสารที่ไร้พรมแดนไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้เสมือนว่าอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือ

video_conference2

จากการติดต่อสื่อสารผ่านนกพิราบ มาสู่ยุคของโทรเลข และหลังจากนั้นได้ปรากฎเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่มนุษย์ที่มีชื่อว่า อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ได้คิดค้นการติดต่อสื่อสารผ่านเสียงจากอีกที่นึงไปยังอีกที่นึงซึ่งในปัจจุบันนี้เราเรียกมันว่า โทรศัพท์ และเมื่อมนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายมากขึ้นด้วยสำเนียงเสียงพูดของเราผ่านโทรศัพท์ให้อีกฝากฝั่งได้ยิน

ยิ่งเมื่อการคิดค้นค้นคว้าได้ถูกพัฒนาขึ้น และการทำธุรกิจที่แผ่ขยายของบริษัทหลายๆบริษัทที่มีสาขาเครือข่ายออกไปยังที่ต่างๆทั่วทุกมุมโลก แน่นอนว่าการประชุมวางแผนทางธุรกิจในการพัฒนาองค์กรไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐหรือของเอกชนต่างมีความสำคัญมากขึ้น

เลยมีระบบการประชุมทางไกลเกิดขึ้นและแน่นอนว่าการประชุมนั้นถ้ามีแต่เสียงไม่เห็นภาพคงเป็นการยากที่จะตัดสินใจดำเนินธุรกิจได้อย่างเด็ดขาดรวดเร็ว จึงมีระบบภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งการประชุมทางไกลที่ว่านี้เราเรียกว่า “ระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นท์” (Video Conference)

ซึ่งใช้ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์ และระบบเครือข่าย IP Network แน่นอนว่าการสื่อสารไปยังจุดหมายปลายทางนั้นต้องเข้ารหัสเชื่อมต่อถึงกันและกัน และเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนจากโทรศัพท์คลื่นความถี่ธรรมดาๆกลับมาเป็นโทรศัพท์อัจฉริยะที่มีชื่อว่า “สมาร์ทโฟน” (Smartphone)

จากการสื่อสารที่มีแต่ระบบส่งข้อความผ่านแอปปลิเคชั่นกลับกลายเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้าเห็นตาที่เรียกว่า วิดีโอคอล (Video Call) ผ่านแอปปลิเคชั่นต่างๆ เช่น Skype, Line, Facebook Masenger ฯลฯ และแน่นอนว่าเมื่อเทคโลโลยีทำให้เราใช้งานง่ายขึ้นมันเลยส่งผลมายังระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ให้สามารถนำแอปปลิเคชั่นเหล่านี้มาใช้กับงานประชุมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

             ด้วยเหตุนี่้ทาง บริษัท BIAMP จากสหรัฐอเมริกา จึงคิดค้นอุปกรณ์สำหรับการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ หรือ Video Conference ในชื่อ DEVIO ที่บริหารจัดการได้ง่าย ผ่านแอปปลิเคชั่น Microsoft Skype for Business (Microsoft Lync®) and Microsoft Skype®, Citrix GoToMeeting®, Cisco WebEx®, and Google Hangouts™ ฯลฯติดตั้งสะดวก ประหยัดพื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะประชุม, สามารถใช้ประชุมได้ไม่ว่าจะเป็นกับคอมพิวเตอร์แบบพกพา Notebook หรือ Smartphone

โดยในชุดระบบการประชุมทางไกล BIAMP DEVIO Video Conference จะประกอบด้วย

  • เครื่องควบคุม DEVIO CR-1 Conference Room Device 1 เครื่อง,
  • ไมโครโฟน Devio™ DTM-1 Beamforming Microphones 1 ตัว
biamp_devio_video_conference_3

 

Devio ถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับการใช้งานการประชุมที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก (Huddle Room) เพื่อแลกเปลี่ยนทางความคิดในการนำเสนองาน โดยผ่าน Soft Conference Technology เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการแสดงภาพสามารถแสดงภาพขึ้นจอได้ 2 ช่องสัญญาณอย่างอิสระ อีกทั้งตัวไมค์ยังได้นำเทคโนโลยี Beamforming Microphone มาใช้ด้วย ซึ่งข้างในตัวอุปกรณ์จะประกอบด้วยไมโครโฟน 8 ตัว ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ช่วง ช่วงล่ะ 120 องศา รวมเป็น 360 องศา เพื่อให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่การใช้งาน

ในการประชุมทางไกลส่วนใหญ่จะพบปัญหาการที่ประชุมแล้วได้ยินเสียงจากฝั่งปลายทางไม่ชัดเจน ฟังไม่รู้เรื่องว่าพูดอะไร เนื่องจากเกิดการสะท้อนของสัญญาณเสียงภายในห้องฝั่งปลายทางที่ออกมาจากลำโพงวิ่งกลับเข้ามายังไมโครโฟนทำให้เกิดการลูบของสัญญาณเสียง และส่งกลับมาให้เราได้ยินทำให้เกิดเสียงซ้อน ยิ่งห้องประชุมมีสภาพห้องที่ก้องด้วยแล้ว เสียงที่ได้ยิ่งฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าพูดอะไร

ดังนั้นอุปกรณ์จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีฟังก์ชั่นเทคโนโลยี Acoustic Echo Cancelling (AEC) เพื่อมาแก้ปัญหานี้ ถึงจะได้สัญญาณเสียงที่ออกมามีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ซึ่ง ใน DEVIO ก็มีฟังก์ชั่นนี้อยู่ด้วยอีกทั้งยังมีฟังก์ชั่น Auto Gain Control เพื่อชดเชยสัญญาณเสียงที่มาเบา ให้มีระดับสัญญาณเสียงที่ออกมาเหมาะสมกับห้องประชุมที่ใช้งาน ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้

ภาพหลัก2

 

ต่อไปไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้คุณก็สามารถติดต่อสื่อสาร Video Conference ได้อย่างง่ายดาย ด้วย Notbook หรือ Smartphone เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นโดยผ่าน Soft Conference Technology ก็จะหมดปัญหาเสียงก้องเสียงสะท้อนรวมถึงการฟังที่ไม่รู้เรื่องอีกต่อไป…

บริษัทมิวสิคสเปซ เรามีผู้ชำนาญการในการออกแบบติดตั้งระบบ Video Conference ไว้คอยบริการท่าน
ไขข้อสงสัยพร้อมให้คำปรึกษาอย่างดี ด้วยทีมงานมืออาชีพนะครับ


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบประชุม Video Conference หรือระบบเครื่องเสียงห้องประชุม 
บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
สำหรับห้องประชุมขนาดเล็ก …โทร. 022031821 , 026414744

 

Read More
แนะนำอุปกรณ์เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดใหญ่ บทความก่อนหน […]

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดใหญ่_1

แนะนำอุปกรณ์เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดใหญ่

บทความก่อนหน้านี้เราได้รู้แนวคิดใน การออกแบบระบบเสียงห้องประชุมขนาดเล็ก กันไปแล้วหวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงได้แนวคิดในการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องมือได้เหมาะสมกับงานที่ใช้นะครับ

ในบทความนี้เราจะมากล่าวถึงการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องเสียงให้เหมาะกับห้องประชุมขนาดใหญ่กันบ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วแนวความคิดในการเลือกใช้อุปกรณ์คงไม่ต่างกับห้องประชุมขนาดเล็กมากนักเพียงแต่ว่ามันมีความสลับซับซ้อนเพิ่มขึ้น ด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้นอาจจะต้องใช้ลำโพงจำนวนมากขึ้น เพราะบางครั้งลำโพงที่ให้ความดังสูงๆอาจจะใช้ไม่ได้กับห้องประชุมที่มีขนาดใหญ่ เรามาดูปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องเสียงให้เหมาะสำหรับห้องประชุมขนาดใหญ่กันดีกว่า

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดใหญ่_2 

สภาพ Acoustic ของห้อง

แน่นอนว่านอกจากขนาดของห้องที่มีผลต่อการเลือกชนิดของลำโพงแล้ว สภาพ Acoustic ของห้องก็มีผลอย่างมากเหมือนกันในการเลือกชนิดและจำนวนลำโพงที่จะมาติดตั้งภายในห้องประชุมขนาดใหญ่นี้ หากสภาพ Acoustic ของห้องมีความก้องไม่มากบางครั้งจำนวนลำโพงที่เลือกใช้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมากเกิดความจำเป็น เราจะเลือกจำนวนลำโพงได้ก็ต่อเมื่อเราคำนวนความดังของเสียงที่ลดลงตามระยะทาง(Invert Square Law) เท่านี้เราก็รู้แล้วว่าเราจะใช้ลำโพงชนิดใหนกี่ใบ ความดังเสียงที่ลดลงตามระยะทางเราหาได้ตามสูตร 20Log ระยะทางที่ต้องการหา เช่น

เราจะหาความดังของเสียงที่ลดลงที่ระยะทาง 30เมตร เราก็หาได้ตามสูตร 20Log30 ก็จะได้เท่ากับ 29.5dB นั้นหมายความว่าหากเรายืนฟังที่ระยะ 30เมตรเราก็จะได้ยินเสียงที่ลดลงจากระยะแหล่งกำเนิดเสียง 29.5dB หากแหล่งกำเนิดเสียงมีความดัง 110dB เราก็เอา 29.5dBมาลบก็จะได้ความดังที่ระยะ 30เมตรเท่ากับ 80.5dB หาก Noise Floor มีความดัง 85dB เราก็จะเป็นต้องเพิ่มจำนวนลำโพงเพื่อให้ความดังของเสียงมากกว่า Noise Floor ส่วนจะเพิ่มจำนวนเท่าไหร่ที่ตำแหน่งไหนก็ต้องมาคำนวนอีกที

หากสภาพ Acoustic ของห้อง มีสภาพเสียงที่สะท้อนมาก แน่นอนว่าหากเรายิ่งเร่งลำโพงให้เสียงดังมากขึ้นเท่าไหร่เราก็จะได้เสียงสะท้อนที่มากตามมาเช่นกัน ฉะนั้น หากเราเจอห้องที่มีสภาพก้องและสะท้อนขนาดนี้ถ้าเราแก้ไขสภาพห้องไม่ได้เราก็จำเป็นต้องเลือกลำโพงที่มีมุมกระจายเสียงที่แคบเพื่อป้องกันการกระจายของเสียงที่ไปสะท้อนกับผนังของห้องและใช้ จำนวนลำโพงให้มากที่สุดเปิดให้เบาที่สุด จะเห็นว่าจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากมากในการออกแบบระบบเสียงให้เหมาะสมกับสภาพห้องที่มีการสะท้อนของเสียงที่สูง ถ้าหากเป็นไปได้ควรออกแบบห้องให้มีสภาพ Acoustic ที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นจะดีกว่า

คราวนี้เรามาดูตัวอย่างการออกแบบระบบเสียงสำหรับห้องประชุมขนาดใหญ่ประมาณ 300 ที่นั่งกันดีกว่าว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างมาดูตามรูป 3D Plan และSystems Diagram กันครับ

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดใหญ่_3d_plan

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดใหญ่-diagram

หากเราดูตาม Systems Diagram จะเห็นว่าจำนวนของไมโครโฟนที่มีมากขึ้นเราก็จำเป็นต้องใช้ Mixer ที่รองรับช่องสัญญาณมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนจะใช้ Analog หรือ Digital ก็ตามสะดวกในการใช้งาน

อีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาที่ต่างจากห้องประชุมขนาดเล็กคือตัว Signal Processor เพราะจำนวนลำโพงที่มากขึ้น เราจำเป็นต้องมี Processor มาบริหารจัดการ Output ต่างๆเพื่อให้ง่ายแก่การควบคุมทั้งระดับสัญญาณเสียง การดึงดีเลย์ การทำโทนเสียง การแยกสัญญาณระหว่างลำโพงเสียงต่ำกับลำโพงเสียงกลางแหลม หากเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ Processor เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยยกเว้นว่า Power Amp หรือลำโพงที่เราเลือกใช้จะมี Processor ในตัว การวางตำแหน่งของลำโพงดีเลย์เราก็คำนวนตามหลักของ Invert Square Law หวังว่าพอจะได้แนวทางกันบ้างนะครับ

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดใหญ่_3

อีกตัวอย่างเป็นงานที่ผมเคยออกแบบห้องประชุมขนาดใหญ่ประมาณ 8000 ที่นั่ง คือ CHANCHAI ACADIUM ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯธนบุรี ซึ่งจัดได้ว่าเป็นศูนย์กีฬาในร่มที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของเมืองไทยในยุคปัจจุบัน

ซึ่งงานนั้นถือเป็นงานยากพอสมควรเพราะด้วยสภาพของห้องที่มีขนาดใหญ่ 120 x 60 เมตร ซึ่งที่นี่ใช้เป็นทั้งหอประชุมสำหรับงานพระราชทานปริญญาบัตรและยิมเนเซียมสำหรับแข่งกีฬา ซึ่งจุคนได้ประมาณ 8,000คน ความก้องของห้องสูง แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากมากที่เราจะออกแบบระบบเสียงให้ต่อสู้กับเสียงเชียร์ของคน 8,000คนที่เข้ามาดูเต็มความจุของสนาม เมื่อส่งเสียงเชียร์พร้อมกันคิดดูว่ามันจะดังขนาดไหน แนวทางการออกแบบของผมคือผมจะยึดจากการแข่งกีฬาเป็นหลักเพราะเราจะมีเสียง Noise Floor ที่ดังมากหากเราตีโจทย์พวกนี้ได้ งานประชุมก็ไม่มีปัญหาแน่นอนเพราะเสียง Noise Floor จะเบากว่าการแข่งกีฬาอย่างแน่นอน งานแรกที่ประเดิมคือการแข่งขันฟุตซอลล์ชิงแชมป์เอเชีย ที่สำคัญที่นี่ระบบเสียงต้องผ่านมาตรฐานของฟีฟ่าด้วยซึ่งก็ราบรื่นไปด้วยดี

หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจหาอุปกรณ์เครื่องเสียงสำหรับห้องประชุมสามารถตัดสินใจได้เองในการเลือกซื้อมาใช้งาน หากติดขัดสงสัยประการใดสามารถโทรมาสอบถามได้ที่

บริษัทมิวสิคสเปซ เรามีผู้ชำนาญการในการออกแบบติดตั้งระบบเครื่องเสียงห้องประชุมไว้คอยบริการท่าน
ไขข้อสงสัยพร้อมให้คำปรึกษาอย่างดี ด้วยทีมงานมืออาชีพนะครับ

บทความโดย อาจารย์ น้อย (ทรงพล แจ่มแจ้ง) www.liveforsound.com
ผู้ออกแบบระบบ เทคนิคเชี่ยนและเอ็นจิเนียร์ ประจำบริษัทมิวสิคสเปซ

Read More
วันนี้เราจะมาแนะนำเรียนรู้อุปกรณ์ เครื่องเสียงสำหรับห้อ […]

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดเล็ก

วันนี้เราจะมาแนะนำเรียนรู้อุปกรณ์ เครื่องเสียงสำหรับห้องสัมมนา หรือ ห้องประชุมขนาดเล็ก กันว่าสมควรจะมีอะไรบ้างสิ่งไหนจำเป็นต้องใช้ รวมถึงแนวคิดในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียงเหล่านั้น เราควรจะคำนึงถึงอะไร … มาศึกษากันครับ

ขนาดพื้นที่ของห้องและจำนวนผู้เข้าประชุม

แน่นอนว่าขนาดพื้นที่และจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมเป็นเหตุผลหลักในการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องเสียงหากขนาดห้องเล็กมาก ตัวอย่างเช่นขนาด 5×10 เมตร เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ลำโพงขนาดใหญ่ หรือผู้เข้าร่วมประชุมมีจำนวนไม่เกิน 20 คน เสียงผู้เข้าร่วมประชุมก็คงไม่ได้ดังมากจนเกินไปเวลาคุยกันลำโพงที่ให้ความดังที่สูงมากๆก็ไม่มีความจำเป็น อันดับแรกเราต้องดูเรื่องพวกนี้ก่อนไม่งั้นเราก็ไม่สามารถเลือกอุปกรณ์เครื่องเสียงให้เหมาะสมกับห้องประชุมขนาดเล็กได้

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดเล็ก_1

การดำเนินกิจกรรมในการประชุม

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญเลยทีเดียวในการเลือกอุปกรณ์เครื่องเสียงห้องประชุม เราจำเป็นต้องรู้ว่าห้องประชุมหนึ่งห้องที่เราต้องการระบบเสียงนั้นเราใช้กิจกรรมแบบไหนบ้าง อย่างเช่น ห้องประชุมโรงเรียน ที่มีขนาดเล็กอาจจะมีแค่การนำเสนอผลงานของนักเรียน ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องมีไมโครโฟนเยอะแยะมากมาย อาจจะมีแค่ 2-4 ตัวก็น่าจะเพียงพอ แต่หากว่าเป็น ห้องประชุมโรงแรม ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่อาจจะมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น ต้องมาประชุมสรุปหรือดำเนินวางแผนทางธุรกิจทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมอาจจะต้องนำเสนอแสดงความคิดเห็นถกเถียงกัน เราก็สมควรมีไมโครโฟนชุดประชุมให้สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนที่นั่งในห้องนั้นๆ หากเราวางกิจกรรมให้เหมาะสมเราก็จะสามารถเลือกเครื่องเสียงห้องประชุมได้อย่างคุ้มค่าไม่สิ้นเปลืองงบประมาณในการซื้อของที่ไม่จำเป็นมาใช้งาน

อุปกรณ์เครื่องเสียงที่จำเป็นสำหรับห้องประชุมขนาดเล็ก

Visio-Sample Diagram.vsd

อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับห้องประชุมขนาดเล็กนั้น อันดับแรกเลยที่ขาดไม่ได้คือ

1. ลำโพง

(ในกรณีนี้เราจะพูดถึงในส่วนของความต้องการความดังของเสียงก่อนเท่านั้น ส่วนประเภทของลำโพงเช่นแบบตู้ติดผนัง,แบบติดฝ้าเพดาน หรือแบบอื่นๆ อันนี้ขึ้นอยู่กับความสวยงามความเหมาะสมของสถานที่ และความต้องการของผู้ใช้)
เราจะเลือกลำโพงอย่างไรให้เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ๆต้องการให้เสียงครอบคลุมและความดังของลำโพงที่ต้องดังกว่า Noise Floor เช่น

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดเล็ก_2

                    ห้องประชุมขนาดเล็กในโรงแรม ที่ปรกติจะมีความดังของเสียงเครื่องปรับอากาศอยู่ที่ 85dB เราก็ต้องหาลำโพงที่สามารถขับความดังออกมาได้มากกว่า 85dB หรือความดังที่เหมาะสมสำหรับห้องนี้ต้องอยู่ประมาณ 100dB ถึงจะเพียงพอในการกระจายเสียง (เรื่องการคำนวณของลำโพงลองไปหาอ่านได้ในบทความที่ผ่านมา)

                    ในส่วนของ ห้องประชุมโรงเรียน ที่มีขนาดเท่ากันกับ ห้องประชุมโรงแรม คือมีขนาดเล็กเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ Noise Floor เพราะอย่าลืมว่าพฤติกรรมการเข้าร่วมประชุมของทั้ง 2 สถานที่มันแตกต่างกันเด็กนักเรียนมักจะพูดคุยเสียงดังซึ่งแน่นอนว่าหากเสียงเครื่องปรับอากาศมีความดัง 85dB เสียงเด็กนักเรียน 1 คนพูดมีความดัง 85dB เหมือนกัน รวมกันก็เป็น 88dB ( แหล่งกำเนิดเสียงที่มีความดังเท่ากันเมื่อมารวมกันเสียงจะเพิ่มขึ้น 3dB ตามสูตร 10log2) หากในห้องนั้นมีนักเรียนเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 30คน แล้วพูดพร้อมกันก็จะมีเสียงดังไม่ต่ำกว่า 99dB ( ตามสูตร 10log30 )

                    หากเราเลือกที่จะนำระบบเสียงที่ใช้ในโรงแรมที่กล่าวข้างต้นคือดังประมาณ 100dB มาใช้ระบบเสียงเราก็จะมีความดังเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ Noise Floor ซึ่งไม่สามารถใช้ได้เพียงพอเพราะเราต้องการเสียงที่ดังมากกว่า Noise Floor ฉะนั้นเราก็จำเป็นต้องเลือกลำโพงที่สามารถขับเสียงดังออกมาไม่ต่ำกว่า 115dB และตัวลำโพงนี้จะเป็นตอบโจทย์ให้เราเลือกเครื่องขยายเสียงต่อไป

2. ไมโครโฟน Microphone

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดเล็ก_3

การดำเนินกิจกรรมต่างๆในห้องประชุม มีผลเป็นอย่างมากในการตัดสินใจเลือก ชุดไมค์ประชุม มาใช้งานหากเราไม่รู้ว่าจะใช้กิจกรรมอะไรเราก็ไม่สามารถเลือกชนิดของไมโครโฟนให้เหมาะสมได้ เช่น หากกิจกรรมของเราเป็นการนั่งบรรยายไม่ลุกเดินไปมาเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Wireless Microphone หรือไมโครโฟนไร้สาย ใช้ไมโครโฟนชนิดมีสายก็เพียงพอแล้วแถมประหยัดเงินลงทุนได้มากทีเดียว

3. เครื่องผสมสัญญาณเสียงหรือ Mixer

แหล่งกำเนิดเสียงเป็นตัวบอกเราว่าจะเลือกใช้ Mixer กี่ช่องสัญญาณ หากมีไมโครโฟนแค่ 4 ตัวก็ไม่มีความจำเป็นต้องเลือก Mixer ที่มีขนาด 16 ช่องสัญญาณ ยกเว้นว่าเผื่อรองรับอนาคตที่อาจจะเพิ่มเข้ามาแต่คงไม่ถึงกับขนาด 32 ช่องสัญญาณเป็นแน่แท้

เครื่องเสียงห้องประชุมขนาดเล็ก_4

สำหรับอย่างอื่นดูแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นมากมายสำหรับห้องประชุมขนาดเล็กเพราะเท่าที่กล่าวมาก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งานเบื้องต้นแล้ว

หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อเครื่องเสียงห้องประชุม สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่เรา
บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
สำหรับห้องประชุมขนาดเล็ก …โทร. 022031821 , 026414744

Read More
ในการบรรยายสื่อสารภายในสถานที่โดยปกติแล้วเราจะไม่ค่อยพบ […]

tour-guide_รูปหลัก

ในการบรรยายสื่อสารภายในสถานที่โดยปกติแล้วเราจะไม่ค่อยพบปัญหาในการพูดหรือบรรยายในห้องประชุมเพราะมีระบบขยายเสียงภายไว้รองรับงานด้านนี้อยู่แล้ว หากเป็นนอกสถานที่ที่ไม่มีระบบเสียงล่ะ? เราจะทำยังไง?

แล้วหากเราต้องบรรยายไปด้วยพร้อมกับเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ เราต้องจำเป็นต้องขนระบบเสียงปริมาณเท่าไหร่ถึงจะพอในการไปบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าบนรถ หน้าอนุสาวรีย์วีระชน หรือการบรรยายประเภทกรุ๊ปทัวร์ การท่องเที่ยว การแนะนำสถานที่สำคัญๆ การบรรยายเยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรม หรือองค์กรหน่วยงานต่างๆ ล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้นในการที่เราจะยกระบบขยายเสียงขนาดใหญ่ออกไป ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากเรามีระบบเสียงที่เราเรียกกันว่า “ชุดทัวร์ไกด์

ชุดทัวร์ไกด์ ชุดแปลภาษา ชุดบรรยายไร้สาย Wireless Tour Guide

 

tour-guide_1

ระบบเสียงชุดทัวร์ไกด์ (Wireless Tour Guide Systems) เป็นชุดไมโครโฟนชนิดเคลื่อนที่สำหรับผู้บรรยาย และชุดหูฟังชนิดเคลื่อนที่สำหรับผู้ฟัง โดยมีการรับ-ส่งสัญญาณผ่านช่องความถี่วิทยุแต่ล่ะช่องสัญญาณที่ถูกกำหนดมาให้ได้หลายๆช่องสัญญาณนั่นเองโดยอาจจะแยกเป็นช่องสัญญาณที่หนึ่งสำหรับภาษาไทย ช่องสัญญาณที่สองสำหรับภาษาอังกฤษ ช่องสัญญาณที่สามสำหรับภาษาจีนแล้วแต่เราจะกำหนด โดยผู้ฟังแต่ล่ะท่านสามารถเลือกช่องสัญญาณในการฟังแต่ล่ะช่องแต่ละภาษาได้โดยอิสระจากกันเมื่อมีผู้บรรยายมากกว่า 1 ภาษา

ในการรับ-ส่งสัญญาณสามารถรับ-ส่งสัญญาณได้ถึง 50 เมตรหรือมากกว่านี้แล้วแต่ประสิทธิภาพคุณภาพ ระบบ ยี่ห้อรวมถึงราคาของเครื่องมือที่กำหนดมา

ระบบเสียงชุดทัวร์ไกด์ ชุดแปลภาษา ชุดบรรยายไร้สาย เบื้องต้นจะประกอบไปด้วย

• ไมโครโฟนชนิดหนีบปกเสื้อ (Tie-Clip Microphone) และเครื่องส่งสัญญาณ (Portable Transmitter) สำหรับผู้บรรยาย, ผู้นำกลุ่ม

• หูฟัง (Ear-Suspension Earphone) และเครื่องรับสัญญาณ (Portable Receiver) สำหรับผู้ฟัง, ผู้ร่วมกลุ่ม

โดยทั่วไป ชุด Tour Guide ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ

• รูปแบบการสื่อสารแบบทางเดียว One Way ผู้บรรยายสามารถพูดสื่อสารไปยังกลุ่มผู้รับฟังการบรรยายได้เท่านั้นไม่สามารถตอบโต้กันได้
• รูปแบบการสื่อสารแบบสองทาง Two Way ทั้งผู้บรรยายและผู้รับฟังการบรรยาย สามารถพูดสื่อสารโต้ตอบกันได้

ดังนั้นจะเห็นว่าระบบเสียงชุดทัวร์ไกด์สามารถตอบโจทย์ในการบรรยายนอกสถานที่แบบเคลื่อนที่ หรือการแปลภาษาทั้งภายในและภายนอกสถานที่ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการใช้งานที่ง่ายและสะดวกในการพกพา


สอบถามข้อมูลรายละเอียดสินค้า ชุดทัวร์ไกด์ ชุดแปลภาษา ชุดบรรยายไร้สาย Wireless Tour Guide Systems ทุกยี่ห้อทุกแบบพร้อมราคา
บริษัท มิวสิค สเปซ จำกัด ยินดีให้คำแนะนำและบริการ
02-2031821 02-6414744

Read More
ไมโครโฟนไร้สาย ไมค์ลอย Wireless Microphone ถ้าพูดถึงไมโ […]

ไมโครโฟนไร้สาย ไมค์ลอย Wireless Microphone

ถ้าพูดถึงไมโครโฟนทุกๆคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้วน้อยคนมากๆที่ไม่มีใครเคยจับไมโครโฟนมาก่อนเลย ในเรื่องของระบบเสียงไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่ง ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คุณภาพของเสียงที่ได้ออกมา มีคุณภาพที่ดี ชัดเจน ถ้าเริ่มต้นอุปกรณ์ไมโครโฟนรับสัญญาณเสียงเข้ามาตั้งแต่แรกไม่ดีพอ สัญญาณเสียงเมื่อผ่านระบบออกไปก็จะไม่ดีพอเท่าที่ควรเช่นกัน ดังนั้นเราควรให้ความสำคัญกับไมโครโฟนรวมถึงการเลือกรูปแบบการรับสัญญาณของไมโครโฟน (Pattern Microphone) ด้วยเช่นกัน เรามาทำความรู้จักไมโครโฟนกันครับ

ไมโครโฟน คืออะไร ก็คืออุปกรณ์ที่แปลงพลังงานเสียงที่รับเข้ามาให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือที่เรียกว่า Transducer

ไมโครโฟน_1

ส่วนประกอบหลักต่างๆของไมโครโฟน

  • ตัวไมโครโฟน (Body Microphone)
  • ไดอะแฟรม (Diaphragm)
  • ว็อยซ์คอยล์ (Voice Coil)
  • ตัวป้องกันฝุ่นและลม (Windshield)

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไมโครโฟน (Microphone) ได้มีการพัฒนาและออกแบบหลักการทำงานด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานประเภทนั้นๆ ออกมาหลากหลายชนิด เช่น

  • คริสตอลไมโครโฟน (Crystal Micophone)
  • เซอรามิคไมโครโฟน (Ceramic Microphone)
  • คาร์บอนไมโครโฟน (Carbon Microphone)
  • ริบบอนไมโครโฟน (Ribbon Microphone)
  • ไดนามิคส์ไมโครโฟน (Dynamic Microphone) เป็นไมโครโฟนที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด มีความทนทานสูง
  • คอนเดนเซอร์ไมโครโฟน (Condenser Microphone) เป็นไมโครโฟนที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าถึงจะทำงานได้ การรับสัญญาณมีความไวสูงและตอบสนองย่านความถี่ได้ดี

ทิศทางรัศมีการรับของเสียง (Polar Patterns)
เมื่อเราทราบชนิดของไมโครโฟนแล้ว อันดับต่อไปคือการเลือกรูปแบบทิศทางรัศมีการรับของเสียง (Polar Patterns) ซึ่งมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานประเภทนั้นๆ ทำให้เสียงที่ได้รับมามีความชัดเจนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น
• Omni-Directional
• Cardioid or Uni-Directional
• Super-Cardioid
• Hyper-Cardioid
• Bi-Directional or Figure-8

pickuppatterns

ประเภทของไมโครโฟน
ไมโครโฟนยังแบ่งออกเป็นประเภทได้อีก หลายประเภทให้เลือกใช้งาน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานประเภทนั้นๆ เช่น
• ไมค์แบบมีสาย (Wired Microphone)
• ไมค์แบบไร้สายหรือไมค์ลอย (Wireless Microphone)
• ไมค์ก้านยาวหรือไมค์คอห่าน (Gooseneck Microphone)
• ไมค์วางบนโต๊ะ (Boundary Microphone)
• ไมค์สตูดิโอ (Studio Microphone)

ประเภทของไมค์

ไมโครโฟนไร้สาย (Wireless Microphone)

ก็คือไมโครโฟนทั่วๆไปที่ได้มีการพัฒนาเอาวงจรเครื่องส่งสัญญาณเข้ามามีส่วนร่วมในตัวของไมโครโฟน ทำการขยายและผสมสัญญาณกระจายส่งออกมาเป็นคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency) โดยมีตัวรับสัญญาณอีกเครื่องทำหน้าที่รับสัญญาณความถี่วิทยุของย่านความถี่นั้นๆที่ได้เข้ามา แล้วทำการแปลงเป็นสัญญาณเสียงเพื่อเข้ามาในระบบ โดยไม่ต้องมีสายมาเกี่ยวข้องในใช้งานรับ-ส่งเลย หรือที่เราเรียกกันว่า “ไมค์ลอย” โดยในการรับ-ส่งสัญญาณย่านความถี่วิทยุ ก็ได้มีการเริ่มใช้และพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาการรบกวนของสัญญาณในแต่ล่ะย่านความถี่ที่มีการใช้งานจนมากเกินไป โดยแบ่งเป็นย่านความถี่ ดังนี้
• ย่านความถี่ VHF (Very High Frequency) ช่วงย่านความถี่ 30 – 300 MHz
• ย่านความถี่ UHF (Ultra High Frequency) ช่วงย่านความถี่ 300 – 3000 MHz

ไมโครโฟน_2

โดยย่านความถี่วิทยุแต่ล่ะย่านที่กล่าวมา จะใช้งานได้ต้องได้รับการขออนุญาตจากกรมไปรษณีย์โทรเลขก่อน นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนานำเอาย่านความถี่ดิจิตอล 2.4 GHz ISM Band (Industrial Sciences Medicine) มาใช้งานอีกด้วย เป็นย่านความถี่ที่สามารถใช้งานได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตเพราะเป็นคลื่นความถี่สาธารณะ ไมโครโฟนไร้สายที่กล่าวมามีให้เลือกใช้งานทั้งแบบไมค์ชนิดมือถือ ไมค์ชนิดหนีบปกเสื้อและไมค์ชนิดคล้องศรีษะ ให้เหมาะสมกับประเภทงานนั้นๆ

มิวสิคสเปซ จำหน่ายไมโครโฟน ทุกรุ่นทุกแบบพร้อมข้อมูล,เทคนิค และคำแนะนำของสินค้าตามความต้องการและงบประมาณของลูกค้าทุกท่าน
ติอต่อ 02-6414744 02-2031821

Read More
บริษัท JTS Professional Co., Ltd. เริ่มก่อตั้งที่ประเทศ […]

บริษัท JTS Professional Co., Ltd. เริ่มก่อตั้งที่ประเทศไต้หวันในราวปี พศ 2525  โดยใช้   ชื่อในช่วงแรกว่า Taky Electronics Co., Ltd. ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น JTS Professional Co., Ltd.   เริ่มต้นจากการผลิตไมโครโฟนเป็นหลักโดยมีแบบต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น

menu01426835393

  • ไมโครโฟนสำหรับการแสดงดนตรีสด Instrument Microphones
  • ไมโครโฟนสำหรับห้องบันทึกเสียง, Studio Microphone
  • ไมโครโฟนทั้งแบบมีสายและไร้สาย Wired Microphones Wireless Microphone Wireless System
  • ไมโครโฟนที่ใช้สำหรับการบรรยายหรือสำหรับการประชุมหลากหลายแบบหลายชนิด เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทงาน Installed Microphone
  • เครื่องขยายเสียงแบบพกพา Portable Sound System
  • หูฟัง Headphone แบบต่างๆทั้งมีสายและไร้สาย รวมถึงชุด In-ear Monitoring System

นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นปัจจุบันผลิตภัณท์จากสายการผลิตของ JTS ยังครอบคลุมไปถึง

  • ไมโครโฟนประชุม ระบบเครื่องเสียงประชุม ซึ่งมีทั้งระบบอนาล็อคและดิจิตอลทั้งมีสายและไร้สาย JTS Conference System
  • ชุดทัวร์ไกด์ ชุดแปลภาษา ชุดบรรยายไร้สาย สำหรับการนำเที่ยวและการบรรยายนำชมสถานที่ต่างๆ JTS Wireless Tour Guide System
  • ชุดล่ามแปลภาษาสำหรับการประชุม Interpretation System
  • มิกเซอร์อัตโนมัติสำหรับไมโครโฟน Automatic Microphone Mixer
  • ไมโครโฟนไร้สายสำหรับกล้อง Wireless Camera System

jts-pro-mic

อีกผลิตภัณท์ของยี่ห้อนี้ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในบ้านเราก็คือ ชุดทัวร์ไกด์ ชุดแปลภาษา ชุดบรรยายไร้สาย Wireless Tour Guide System ด้วยคุณภาพที่เหนือราคาจึงทำให้ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยมีรุ่นดังนี้

1. TG-10 Series

  • เครื่องรับสัญญานสำหรับผู้ฟัง,ผู้ร่วมกลุ่ม พร้อมหูฟัง JTS TG-10R/WM-10TG
  • เครื่องส่งสัญญานสำหรับผู้บรรยาย,ผู้นำกลุ่มพร้อมไมค์โครโฟน JTS TG-10T/CM-801S

2. TG-64 Series

  • เครื่องรับสัญญานสำหรับผู้ฟัง,ผู้ร่วมกลุ่มพร้อมหูฟัง JTS TG-64RA/WM-10TG
  • เครื่องส่งสัญญานสำหรับผู้บรรยาย,ผู้นำกลุ่มพร้อมไมค์โครโฟน JTS TG64TA/CM-201S 

3. TG-98 Series

  • เครื่องรับสัญญานสำหรับผู้ฟัง,ผู้ร่วมกลุ่ม พร้อมหูฟัง JTS TG-98RA/WM-10TG
  • เครื่องส่งสัญญานสำหรับผู้บรรยาย,ผู้นำกลุ่มพร้อมไมค์โครโฟน JTS TG-98TA/CM-201S

jts-ชุดทัวร์ไกด์

ในปัจจุบัน JTS Professional co.,ltd. มีตัวแทนจำหน่ายอยู่มากกว่า 98 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย และยังคงเติบโตต่อไปสินค้าของ JTS เป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้มายาวนานกว่า 32 ปี และ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าที่มี่คุณภาพและก้าวล้ำนำหน้า  เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคตลอดไป

สนใจสอบถามข้อมูลผลิตภัณท์ สินค้า และราคา ของ ไมโครโฟนประชุม ชุดทัวร์ไกด์ ชุดแปลภาษา ชุดบรรยายไร้สาย รวมถึงสินค้าอื่นๆภายใต้แบรนด์ยี่ห้อ JTS ได้ที่ บริษัท มิวสิคสเปซ จำกัด 026414744 , 022031821

 

Read More
BOSCH ก่อตั้งบริษัทขึ้นโดย Robert Bosch เมื่อวันที่ 15  […]

bosch_รูปหลัก2

BOSCH ก่อตั้งบริษัทขึ้นโดย Robert Bosch เมื่อวันที่ 15 พฤศจิการยน พ.ศ.2429 (ค.ศ. 1886) ที่เมืองสตุทการ์ท ประเทศเยอรมันนี   Robert Boschได้กล่าวไว้ว่า: “ผมปฎิบัติตามหลักที่ว่าเสียเงินดีกว่าเสียความเชื่อใจมาเสมอ ความซื่อสัตย์ในสัญญาของผม ความเชื่อในคุณค่าของผลิตภัณฑ์ และในคำสัตย์ของผมเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผมมากกว่าผลกำไรที่ไม่ยั่งยืน”   นั่นเองที่ทำให้สินค้าของ BOSCH ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าตลอดมาจนถึงปัจจุบัน  และทำให้ BOSCH มีสาขาและการให้บริการครอบคลุมทั่วโลก

bosch_history

สินค้าของ BOSCH สามารถแยกออกได้เป็นหลายประเภท เช่น สินค้าเกี่ยวกับยานยนยนตร์ สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีการก่อสร้าง   เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน  เครื่องมือไฟฟ้า สินค้าเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สินค้าเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร สินค้าระบบรักษาความปลอดภัยและการสื่อสาร

BOSCH  เป็นผู้ผลิตและผู้คิดค้นนวัตกรรมชั้นนำระดับโลกทางด้านผลิตภัณฑ์ ระบบรักษาความปลอดภัย และการสื่อสาร กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ระบบควบคุมการเข้าออกและซอร์ฟแวร์บริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัย ระบบเตือนอัคคีภัย ระบบเสียงประกาศเพื่อการอพยพฉุกเฉิน ระบบชุดประชุม และระบบเสียงสำหรับการแสดงสดระดับมืออาชีพ  ทั้งนี้สินค้าทั้งหมดในระบบนี้ได้มีการพัฒนาและผลิตจากโรงงานของ BOSCH เองจากทั่วโลก

ระบบชุดประชุม Conference System ของ BOSCH ก็เช่นกัน เป็นระบบชุดประชุมที่ได้รับความไว้วางใจไปทั่วโลก  ประกอบด้วยสินค้ามากมายหลายชนิดทุกฟังค์ชั่นการใช้งานสามารถตอบสนองทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพสินค้าหรือการบริการหลังการขาย พร้อมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆที่ทาง Bosch เฝ้าพยายามคิดค้นเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของการสื่อสารที่ไร้พรมแดนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าท่านจะอยู่มุมไหนของโลก ท่านก็จะไม่พลาดวาระสำคัญที่ต้องให้ท่านได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเพื่อนำพาองค์กรก้าวไปสู่ความเจริญก้าวหน้าและประสบผลสำเร็จทางธุรกิจ ทาง Bosch ได้ตระหนักดีถึงข้อนี้ จึงผลิตชุดไมค์ประชุมและระบบประชุมที่ทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มากมายทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ชุดประชุม BOSCH

ชุดประชุมของ Bosche ที่นิยมใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มีทั้งแบบอนาล็อคและดิจิตอล โดยจำแนกรุ่นได้ดังนี้

ชุดประชุม BOSCH CCS900 Discussion System

เป็นชุดประชุมในระบบอนาล็อค การใช้งานที่เรียบง่ายเหมาะสำหรับห้องประชุมที่ไม่ต้องการความสลับซับซ้อนในการส่งข้อมูลการประชุม มาพร้อมกับระบบป้องกันเสียงหวีดหอนและระบบบันทึกเสียงในตัวเป็น MP3 แค่นี้ท่านก็สามารถบันทึกการประชุมสำคัญได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

bosch-ccs900

ชุดประชุม BOSCH CCS1000 Digital Discussion System

เป็นชุดประชุมในระบบดิจิตอล การใช้งานที่สะดวกสบายติดตั้งง่าย แฝงไว้ด้วยฟังชั่นต่างๆที่ครอบคลุมการประชุมตั้งแต่ระดับเล็กไปจนถึงระดับกลาง

bosch-ccs1000

ชุดประชุม BOSCH DCN Conference Solution

เป็นชุดประชุมระบบดิจิตอลระดับสูง ให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม ด้วยฟังค์ชั่นการทำงานที่ตอบสนองรองรับการประชุมระดับนานาชาติ มีทั้งระบบควบคุมการลงคะแนน ระบบการเลือกรับฟังการแปลภาษาในตัว มีให้เลือกใช้งานทั้งระบบมีสายและไร้สาย

bosch_dcn_conference_solution

ชุดประชุม BOSCH DICENTIS Wireless Conference System

เป็นชุดประชุมระบบดิจิตอลไร้สายคุณภาพสูง ใช้เทคโนโลยีการส่งสัญญาณในรูปแบบ Wi-Fi มีระบบป้องกันการเข้าถึงหรือแทรกแซงสัญญาณเสียงระหว่างการประชุมพร้อมระบบจัดการคลื่นสัญญาณได้อย่างอัจฉริยะ

bosch_DICENTIS-Wireless-Conference-System

ชุดประชุม BOSCH DCN Multimedia Conference System

สุดยอดเทคโนโลยีชุดประชุมในปัจจุบัน เป็นการปฏิวัติระบบการประชุมแบบเก่าได้อย่างสิ้นเชิง ระบบการส่งสัญญาณได้ทั้งภาพและเสียงพร้อมเอกสารในเวลาเดียวกัน ทำให้การประชุมวาระสำคัญต่างๆที่ต้องการข้อมูลในการตัดสินใจสามารถทำได้ง่ายขึ้น ระบบเชื่อมต่อกับ Ethernet สามารถค้นหาข้อมูลได้จากทุกที่ทั่วโลก ด้วยระบบการเชื่อมต่อแบบ OMNIO ภายใต้นวัตกรรมการคิดค้นของ Bosch

bosch_dcn_multimedia_conference_system

สอบถามข้อมูลรายละเอียดสินค้าและผลิตภัณฑ์ ชุดไมค์ประชุม BOSCH
เพิ่มเติมทุกรุ่นได้ที่ บริษัทมิวสิคสเปซ จำกัด โทร. 022031821 , 026414744

Read More

โทร. : 02-2031821 , 02-6414744
สายด่วน : 095-9265276 , 086-3114142

หรือส่งข้อความด้านล่างเพื่อติดต่อเราทาง Facebook