VIA Wireless Collaboration Solution

หากกล่าวถึงพรีเซนเตชัน (Presentation) หรือการนำเสนอข้อมูลในที่ประชุม ถือเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อองค์กรภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงการศึกษา เช่นในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือในแวดวงธุรกิจ ไล่ตั้งแต่บริษัทห้างร้านขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่

ปัจจุบันการสื่อสารในรูปแบบการนำเสนอข้อมูลนั้น เป็นสิ่งที่เราไม่อาจปฎิเสธได้ เนื่องจากการนำเสนอข้อมูลหรือแนวคิดต่างๆ ล้วนเป็นการสื่อสารระหว่างผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร โดยผู้รับสารอาจมีจำนวนหลายคนที่เป็นผู้ร่วมงานที่คุ้นเคยกันดี หรือเป็นบุคคลภายนอกที่อาจไม่คุ้นเคยกันก็ได้

พรีเซนเตชันสมัยใหม่ Vs. แบบดั้งเดิม

ไม่ว่าการสื่อสารจะเป็นรูปแบบทางเดียวหรือสองทาง (Two ways communication)  ผู้นำเสนอจะต้องส่งข้อมูลให้ถึงเป้าหมายได้อย่างครบถ้วน และหากเปรียบเทียบกับรูปแบบการนำเสนอแบบดั้งเดิมแล้ว การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบพรีเซนเตชันสมัยใหม่นั้น พบว่าสามารถสร้างผลกระทบและดึงดูดความสนใจต่อผู้ฟังได้ดีกว่าวิธีเขียนบนกระดานหรือบนกระดาษ

เนื่องจากวิธีนำเสนอสมัยใหม่สามารถช่วยให้ผู้ส่งสารปรับแต่งเนื้อหาได้ตรงกับความต้องการของเป้าหมาย โดยใช้สื่อประกอบในลักษณะต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น ภาพวิดีโอ คลิปเสียง ภาพถ่าย แผนภูมิรูปภาพ แอนิเมชันต่างๆ รวมถึงยังนำเสนอเนื้อหาให้กระชับรัดกุมได้อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่ารูปแบบการนำเสนอข้อมูลสมัยใหม่ผ่านเทคโนโลยีนั้น มีประสิทธิภาพและเหนือชั้นกว่าการนำเสนอแบบดั้งเดิมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

รูปแบบการเชื่อมต่อ

แม้ว่าระบบพรีเซนเตชันสมัยใหม่ผ่านเทคโนโลยีจะต้องติดตั้งอุปกรณ์หลากหลายก็ตาม แต่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ นั้น ปัจจุบันพบว่ามีเพียง 2 รูปแบบคือ 1.การเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ และ 2. การเชื่อมต่อผ่านระบบไร้สาย (Wireless) ซึ่งอุปกรณ์บางตัวยังจำเป็นต้องเชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณอยู่ แต่ว่าอุปกรณ์บางตัวเหมาะกับระบบไร้สาย

ในการเชื่อมต่อทั้งสองแบบล้วนมีข้อดีและข้อด้อยต่างกัน เช่น อุปกรณ์สตรีมมิ่งภาพ (Streaming) เหมาะกับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้จะทำหน้าที่รับสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และโน้ตบุ๊คได้ยืดหยุ่นกว่าการเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ เนื่องจากการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านสายสัญญาณ มีข้อจำกัดในเรื่องลักษณะขั้วต่อที่ถูกบังคับตายตัว ตัวอย่าง

ในกรณีผู้ใช้ต้องการส่งข้อมูลไปแสดงบนจอภาพหรือโปรเจคเตอร์ อุปกรณ์ส่งภาพจะต้องมีขั้วต่ออย่างน้อยหนึ่งชนิด เช่นขั้วต่อแบบ VGA, HDMI หรือ DisplayPort ซึ่งอุปกรณ์พกพาบางชนิดไม่มีขั้วต่อเหล่านี้ เช่นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต อีกอย่างการเชื่อมต่อผ่านพอร์ตเหล่านี้ก็มีข้อจำกัดเรื่องความยาวของสายสัญญาณ กล่าวคือหากใช้สายสัญญาณยาวเกิน 15 เมตร คุณภาพของสัญญาณภาพก็จะด้อยลง รวมถึงหากต้องการพรีเซ้นต์พร้อมกันก็จะทำได้ยาก ดังนั้น ระบบการประชุมด้วยวิธีการใช้งานผ่านระบบไร้สายจึงทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถแชร์สัญญาณออกไปร่วมกับระบบเครือข่ายในองค์กรได้อีกด้วย

รู้จัก KRAMER VIA

VIA เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ Kramer ซึ่งก่อตั้งมานานกว่า 30 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ Pro AV ระดับแนวหน้าของวงการ สำหรับ VIA Wireless เป็นอุปกรณ์สำหรับชุดประชุม ที่ใช้รับสัญญาณภาพแบบไร้สายจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และโน้ตบุ๊ค โดยจะรับสัญญาณภาพจากอุปกรณ์เหล่านี้ไปแสดงผลบนจอ LCD, LED, TV หรือเครื่องฉายโปรเจคเตอร์

ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ VIA Wireless เข้ากับระบบชุดประชุมขนาดเล็กไปจนถึงชุดประชุมขององค์กรขนาดใหญ่ ปัจจุบัน VIA Wireless มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น โดยมีรุ่นที่โดดเด่นและน่าสนใจจำนวน 5 รุ่นได้แก่

  • VIA GO Wireless Presentation & Collaboration Device
  • VIA Connect Pro Wireless Presentation & Collaboration Solution
  • VIA Connect Plus Simultaneous Wired & Wireless Presentation & Collaboration
  • VIA Campus Wireless Presentation & Collaboration Device
  • VIA PAD Step–in Touch Pad

VIA GO 

เป็นอุปกรณ์ไวร์เลสพรีเซนเตชันตัวหนึ่งที่รองรับการล็อกอินผ่าน Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อผ่านสาย LAN โดยรองรับระบบปฎิบัติการ Windows, Mac, Chromebooks ตลอดจน iOS และแอนดรอยด์ ให้ความคมชัดของภาพที่ความละเอียดแบบ Full HD 1080p/60 แบบ WUXGA รองรับแบนด์วิธภาพได้ถึง 6Mbps เมื่อเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ที่อยู่ภายในตัวของ Access Point สามารถเชื่อมต่อให้แสดงผลได้พร้อมกัน 2 จอภาพ

จุดเด่น รองรับ HDMI และขั้วต่อ Ethernet RJ-45 มีช่อง USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต มีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5mm รองรับซอฟต์แวร์ VIA เช่น VSM และ VIA Pad รองรับ Wi-Fi 2.4GHz ในโหมด Access Point และ 2.4GHz/5GHz ในโหมดไคลเอ็นด์ สัญญาณเอาต์พุตของภาพเป็นแบบ HDMI หรือ DisplayPort เหมาะสำหรับงานพรีเซนเตชันในองค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ห้องเรียนในสถาบันการศึกษา และในห้องประชุมแบบ Huddle spaces มีน้ำหนักเบาเพียง 0.4kg.

VIA Connect PRO 

เป็นไวร์เลสพรีเซนเตชันอีกรุ่นที่เชื่อมต่อได้หลายแบบ มีพอร์ตเอาต์พุตส่งภาพชนิด HDMI, DisplayPort Mini และรับอินพุตผ่านพอร์ต USB-A 4 ช่อง และผ่าน Ethernet 1 ช่อง ล็อคอินใช้งานผ่าน Wi-Fi หรือผ่าน LAN ได้ รองรับระบบปฎิบัติการ MAC, Windows, iOS และแอนดรอยด์ ใช้งานง่ายติดตั้งเร็ว สตรีมมิ่งสัญญาณภาพที่ความละเอียด Full HD 1080p/60 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 4 จอภาพ มีระบบป้องกันความปลอดภัยการเข้ารหัส 1024-bit และ dynamic room code สามารถนำอุปกรณ์พกพาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ตมาแชร์สัญญาณภาพ เพื่อฟีดขึ้นจอภาพทั้งแบบทีละจอ หรือหลายๆ จอพร้อมกัน สามารถทำให้การพรีเซ้นต์ของนักเรียนและครูอาจารย์ทำได้คล่องตัว สะดวกสบายมากขึ้น

สามารถแก้ไขเอกสารหรือแชร์ข้อมูลผ่านกระดานดิจิตอลได้ทันที VIA Connect Pro ออกแบบมาเพื่อห้องประชุม huddle rooms ในราคาไม่แพง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 254 อุปกรณ์ รองรับระบบเน็ตเวิร์ก DHCP ซึ่งทำให้ลูกข่ายสามารถเชื่อมต่อเข้าร่วมเครือข่ายได้โดยไม่ต้องกำหนดไอพีแอดเดรส รองรับพื้นที่เก็บไฟล์ข้อมูลในรูปแบบคลาวด์ไว้แชร์ร่วมกันสูงสุด 32GB  สามารถส่งแชทไปยังผู้อื่นได้ มีการผนวกเข้ากับ iCloud รองรับซอฟต์แวร์ VIA Site Management และ VIA Pad รองรับหลายภาษา เชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5mm ได้ มีซีพียูประมวลผล Intel Dual Core 1.4GHz (4th Gen.) หน่วยความจำ 4GB น้ำหนักเพียง 0.5kg.

VIA Connect Plus 

เป็นไวร์เลสพรีเซนเตชันที่มีจำนวนพอร์ตอินพุตแบบ USB-A ถึง 4 พอร์ต มีช่อง Ethernet 1 พอร์ต และที่พิเศษกว่ารุ่น Go และ Connect Pro คือรองรับอินพุต HDMI 1 ช่อง ส่วนเอาต์พุตรองรับ HDMI 1 ช่อง และ DisplayPort mini 1 ช่อง ข้อดีของการมี HDMI อินพุตทำให้อุปกรณ์มีความยืดหยุ่นหรือทางเลือกในการใช้งานมากขึ้น นั่นคือผู้ใช้สามารถนำคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มี HDMI มาใช้งานร่วมกับ VIA Connect Plus ได้ทันที และล็อคอินใช้งานผ่านระบบ Wi-Fi หรือ LAN ในรุ่นนี้รองรับระบบปฎิบัติการ Windows, MAC, iOS และแอนดรอยด์ ใช้งานง่าย ให้ภาพความละเอียด full HD 1080p/60 สามารถต่อใช้ได้พร้อมกัน 4 จอรวมกับจอหลัก

มีระบบป้องกันการเข้ารหัส 1024-bit และ dynamic room code จะเห็นว่าในรุ่นนี้หากเทียบกับ Connect PRO จะมีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แต่จะรองรับอินพุตเป็น HDMI สามารถเชื่อมต่อได้ 254 อุปกรณ์ รองรับเน็ตเวิร์กมาตรฐาน DHCP มีพื้นที่เก็บไฟล์แบบ Cloud-Based 32GB สามารถแชทหาผู้อื่นได้ เข้า iCloud, OneDrive, Google Drive และ Dropbox ได้ รองรับซอฟต์แวร์ VIA Site Management (VSM) และ VIA Pad รองรับหลายภาษา ตัว VIA Connect Plus ออกแบบมาเพื่อใช้งานในห้องประชุมขนาดกลางไปหาขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น บอร์ดรูม ห้องประชุม ห้องพรีเซนเตชัน ห้องเรียน โดยมีน้ำหนักเพียง 0.5kg

VIA Campus 

เป็นไวร์เลสพรีเซนเตชันที่มีจำนวนพอร์ตอินพุตแบบ USB-A ถึง 5 พอร์ต แบ่งเป็น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต และ USB 2.0 จำนวน 3 พอร์ต มีช่อง Ethernet 1 พอร์ต ฝั่งเอาต์พุตมีช่องเชื่อมต่อแบบ HDMI 1 พอร์ต ซึ่งในรุ่นนี้จะต่างจากรุ่นอื่นคือไม่มี DisplayPort แต่มีพอร์ต  DVI-I มาแทนให้มา 1 พอร์ต ตัว VIA Campus ออกแบบมาเพื่อให้พรีเซตได้หลายคนพร้อมๆ กัน มีการเข้ารหัสป้องกันความปลอดภัย 1024-bit คุณภาพภาพวิดีโอ 1080p/60 รองรับระบบปฎิบัติการ Windows 10, iOS แอนดรอยด์ รวมถึงยังรองรับแอปพลิเคชันจากพันธมิตรอีกด้วย อาทิ Microsoft Office, Skype, GoToMeeting, Lync, และ WebEx มีฟังก์ชัน  e–Polling  ซึ่งใช้ทำโพลอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกด้วย สามารถเชื่อมต่อกับหูฟังและไมโครโฟนผ่านช่อง Unbalanced ได้ มี CPU ความเร็ว 2.9GHz แบบ 4 คอร์ แรม 4 GB ฮาร์ดดิสก์ SSD 60GB รองรับระบบเสียง 5.1 แชนเนล

ในรุ่น VIA Campus ถือว่าออกแบบมาเพื่อสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะ รวมถึงการใช้ในองค์กรที่มีการเทรนนิ่ง ซึ่งรองรับเชื่อมต่อผ่านระบบไร้สาย แต่ละคนสามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ มาล็อคอินผ่าน Wi-Fi ทั้งนิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ สามารถแชร์ข้อมูลร่วมกันผ่านจอภาพในห้อง รุ่น VIA Campus สามารถแสดงผลได้พร้อมกัน 12 จอรองรับการพรีเซ้นต์พร้อมกันสูงสุด 6 ยูสเซอร์ รองรับจอภาพระดับ 4K สนับสนุน Whiteboard รองรับ Microsoft Office, Skype, GoToMeeting และ WebEx รองรับการเล่น YouTube สามารถดึงลิงค์ของคลิปที่ต้องการสตรีมมิ่งผ่านอุปกรณ์ได้เลย สามารถบันทึกภาพและเสียงได้ รองรับฟังก์ชัน Digital Signage (License ออปชัน) มีช่อง eSATA สำหรับเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์ภายนอก รองรับซอฟต์แวร์ VIA Site Management (VSM) และ VIA Pad รองรับหลายภาษา VIA Campus เหมาะกับสถาบันการศึกษา และห้องแล็บเทรนนิ่งที่มีการนำเสนอ น้ำหนักเพียง 1.4kg

VIA PAD 

เป็นอุปกรณ์ออปชันตัวหนึ่งที่ใช้งานในลักษณะควบคุมอุปกรณ์ VIA ในรุ่นต่างๆ นั่นคือเป็นตัว Touch Pad คล้ายๆ ตัวควบคุมลูกศรเมาส์ที่อยู่บนโน้ตบุ๊ค โดยเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB รองรับคอมพิวตอร์ทั้ง Mac และพีซีรันบน Windows 7/8/10

เปรียบเทียบ VIA รุ่นต่างๆ

VIA GO VIA Connect PRO VIA Connect Plus VIA Campus Via Pad
Input 4 USB-A/1LAN 4 USB-A/1LAN 4 USB-A/1LAN/1HDMI 5 USB-A/1LAN Touch Pad
Output 1 HDMI/1 DP mini 1 HDMI/1 DP mini 1 HDMI/1 DP mini 1 HDMI/1 DVI-I
High Quality Video 1080p/60 1080p/60 1080p/60 1080p/60/4K
Screen 2 4 4 6+6
Encryption 1024-bit 1024-bit 1024-bit 1024-bit
CPU 1.4GHz 1.4GHz 1.4GHz 2.9GHz
Storage 32GB 32GB SSD 32GB SSD 60GB SSD
RAM 2GB 4GB 4GB 4GB

ในบทความนี้ผู้เขียนได้นำเสนอ VIA ไปทั้งหมด 5 รุ่น เฉพาะ VIA PAD เป็นอุปกรณ์ออปชันซึ่งเป็นทัชแพด ผู้เขียนจึงขอข้ามไป ในตารางเปรียบเทียบจะเห็นคุณสมบัติหลักๆ ของอุปกรณ์ VIA ที่เป็นไวร์เลสทั้ง 4 รุ่นคือ VIA GO, VIA Connect Pro, VIA Connect Plus และ VIA Campus

ไล่จากรุ่น Go จะมีอินพุตเหมือนกับ Connect Pro สองรุ่นนี้มีคุณสมบัติคล้ายกันจะต่างกันคือในรุ่น Connect Pro สามารถแสดงผลได้สูงสุด 4 จอภาพ ขณะรุ่น Go แสดงภาพได้พร้อมกันสูงสุดเพียง 2 จอ

ถัดมาในรุ่น Connect Plus ได้เพิ่มพอร์ตอินพุตแบบ HDMI มาจำนวน 1 พอร์ต ตัว Connect Plus สามารถเชื่อมกับ iCloud, OneDrive, Google Drive และ Dropbox ได้

ส่วนรุ่นสุดท้ายคือ VIA Campus รองรับอินพุตได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ โดยมีเอาต์พุตแบบ DVI-I รองรับจอภาพ 4k แสดงผลได้สูงสุด 12 (6+6) จอภาพ ล็อคอินเพื่อพรีเซ้นต์ได้พร้อมกัน 6 ยูสเซอร์ มีพื้นที่เก็บข้อมูล 60GB และความเร็วซีพียูสูงถึง 2.9GHz

ท่านจะเห็นว่าอุปกรณ์แต่ละตัวได้ออกแบบมาใช้เพื่อใช้งานในระดับที่แตกต่างกัน หากเป็นห้องประชุมขนาดเล็กสามารถเลือกใช้ VIA GO หรือ Connect Plus หากเป็นห้องประชุมขนาดกลางหรือใหญ่เลือกเป็น Connect Plus หรือ Pro ก็ได้ และหากเป็นสถาบันการศึกษาแนะนำ VIA Campus จะเหมาะอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี ท่านสามารถพิจารณาฟีเจอร์ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์แต่ละตัว จากเนื้อหาในแต่ละส่วน หรือสอบถามกับตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมได้อีกหนึ่งช่องทาง

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบภาพหรือระบบเครื่องเสียงสำหรับห้องประชุม
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 026414744

 

Read More